top of page

"รักของนาเดีย" สาวผู้มีความพยายาม อดทน เรื่องเศร้าของเธอได้ผ่านไปแล้ว ถึงเวลาแห่งรอยยิ้มข

  • เปรมมิกา นาเดีย
  • Jul 18, 2015
  • 2 min read

เรื่องราวของนาเดียขอยกให้พี่เเอดมินค่ะ

ตอนที่1 ชีวิตวัยเยาว์ นาเดียต้องผลัดพรากจากอกผู้เป็นพ่อและน้องชายด้วยวัยเพียงสี่ปี เธอถูกขอไปเลี้ยงจากญาติพี่น้องฝ่ายพ่อ และทางพ่อแม่ใหม่ก็ส่งเธอเรียนจนจบม.3 วันหนึ่งแม่ได้ให้กำเนิดลูกคนแรกและนาเดียก็กลายเป็นคนใช้ทันทีที่น้องเกิดมา พ่อและแม่ให้นาเดียเลี้ยงน้อง ทำงานบ้าน ให้ออกไปหาเงินเรียนเองถ้าคิดจะเรียนต่อ นาเดียก็ออกไปหางานทำ ได้งานล้างจานและเก็บเมล็ดถั่วงอกในร้านขายก๋วยเตี๋ยว จนวันหนึ่งนาเดียทนไม่ไหวเพราะคิดว่าพ่อกับแม่ไม่รักเธอแล้ว จึงขอออกไปอยู่ห้องเช่าคนเดียว ทางพ่อแม่ก็อนุญาตให้ไปโดยที่ท่านสองคนไม่ห้ามสักคำ เขายืนเงินให้นาเดียห้าพันบาทและพาไปหาห้องเช่า ก่อนที่เขาทั้งสองจะกลับบ้าน “เขาพูดขึ้นว่าลูกโตแล้วเป็นสาวแล้ว มีปีกบินก็บินไปให้ถึงฝั่งนะ ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไรขึ้นมาไม่ต้องโทรไปขอความช่วยเด็ดขาด ”ตอนนั้นนาเดียยังไม่เข้าใจที่พ่อกับแม่พูด พอย้ายมาอยู่ห้องเช่าได้ไม่กี่วันนาเดียก็ไปสมัครเรียนต่อที่(กศน ม.6)และหางานทำ ได้งานสองที่ คือเป็นพี่เลี้ยงเด็กและพนักงานเสริฟในร้านขายส้มตำ ทำงานตั้งแต่เก้าโมงเช้ายันเที่ยงคืน ชีวิตได้พบกับความลำบากมากมาย ทั้งเหนื่อย ท้อแท้ สินหวัง เสียใจที่ไม่มีใครให้ปรึกษา นอนร้องไห้ทุกคืน พ่อกับแม่ไม่เคยติดต่อกลับมาอีกเลย จนกระทั้งอายุได้ 17 ปี ได้คบกับแฟนคนแรกและอยู่ด้วยกัน แต่ด้วยเหตุที่ต้องทำงานหนักและเรียนจึงทำให้เราทั้งคู่ต้องเลิกรากันไป นาเดียเสียใจและเจ็บปวดมาก แต่ทำอย่างไรได้ในเมื่อเราเลือกที่จะทำงานและเรียน เราต้องลุกขึ้นสู้ การที่ออกมาใช้ชีวิตคนเดียวเริ่มทำให้นาเดียได้เรียนรู้โลกกว้างและมีความอดทนมากขึ้น จึงได้วางแผนชีวิตว่าตนเองต้องการสิ่งใด นาเดียลาออกจากงานทั้งสองที่เพราะไม่ยากเห็นหน้ากับอดีตคนรักและไปสมัครงานเป็นพนักงานซักรีด ทำงานร้านซักรีดได้หกเดือน เพื่อนสนิทชวนไปทำงานในร้านขายกาแฟในห้างใหญ่ ก็ลาออกจากร้านซักรีดและไปทำงานที่ใหม่ ไปทำงานในร้านขายกาแฟเป็นทั้งบาร์เทนเดอร์และพนักงานเสริฟ ได้พบเจอกับผู้คนมากหน้าหลายตา จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้พบรักกับชาวต่างชาติ(คนอังกฤษ) ที่อายุต่างกันเกิบสองเท่าค่ะ คบกันได้สามเดือนเขาขอให้ลาออกจากงานและไปอยู่กับเขา ก็ลาออกจากงานอีก ไปอยู่กับเขาและก็ยังไปเรียนตลอด แต่ในขณะที่อยู่กับเขาได้ระยะหนึ่งก็เริ่มมีความรู้สึกตัวว่าเราไม่ได้รักเขาและไม่ต้องอะไรจากเขาเลย นาเดียจึงขอแยกทางจากเขา โดยบอกเขาไปว่านาเดียยังเด็กและยังไม่พร้อมที่จะมีครอบครัว เราคุยกันและจบกันด้วยดีค่ะ ตอนที่ 2 การพบรักครั้งใหม่ พออายุได้ 19 ปี เรียนจบม.6 นาเดียย้ายไปอยู่กับเพื่อนสนิทที่ชลบุรี และไปสมัครงานเป็นพนักงานขายประกันกับบริษัทชื่อดังแห่งหนึ่ง ที่ทางบริษัทรับเข้าทำงานเลยเพราะนาเดียสามารถพูดภาษาอังกฤษได้และมีคุณสมบัติที่ทางบริษัทต้องการ ได้เงินค่าจ้างเดือนละ 12,000 บาท ทำงานก็สนุกกับงานค่ะ มีชายมากหน้าหลายตาเข้ามาแจกขนมจีบทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ แต่นาเดียก็ยังไม่สนใจใครสักคน พอทำงานได้เกิบปี ทางบริษัทได้ส่งตัวไปประชุมงานที่กรุงเทพ หลังจากที่ประชุมงานเสร็จ เพื่อนสนิทได้ชวนไปหาเพื่อนของเขาที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เพราะเพื่อนของเพื่อนสนิทเพิ่งเรียนจบและมีการฉลองปาร์ตี้ จึงทำให้ได้พบกับสามี(ชาวเยอรมัน) เขาเองก็โดนเพื่อนคนไทยลากมาเป็นเพื่อนเช่นกัน เราสองคนก็คุยกันสักพักและเขาก็ให้นามบัตรไว้ หลังจากนั้นหนึ่งเดือนนาเดียได้โทรกลับไปหาเขาและเขาดีใจมากที่เราโทรไปหาเขา เขาต้องการพบเจอเราอีกครั้งและขอให้เราไปพบเขาได้ไหม? นาเดียบอกเขาไปว่ายังไปพบไม่ได้เพราะช่วงนี้ติดงาน เดี๋ยวว่างเมื่อไรจะโทรบอกแล้วกันนะ หลังจากนั้นเราสองคนก็ติดต่อกันเรื่อยมาจนเข้าเดือนที่สอง เขาได้โทรมาหาเราอีกด้วยอาการมึนเมาและขอให้เราไปเจอเขาที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่งในพัทยา แต่นาเดียเพิ่งกลับจากทำงาน ทั้งเหนื่อยและอยากพักผ่อน จึงปฎิเศษเขาไปเป็นครั้งที่สอง แต่เขาก็ยังไม่หยุดที่จะโทรและส่งข้อความมาหา นาเดียยืนยันคำขาดว่าอย่างไรก็ไปหาไม่ไปได้ ทำงานมาเหนื่อย แล้วพรุ้งนี้ต้องไปทำงานแต่เช้า ฉันคงไปหาเธอไม่ได้หรอกไว้โอกาสหน้าแล้วกัน พอวางสายจากเขาเสร็จ นาเดียนั่งคิดว่าเขาคงแค่ต้องการคู่นอนแล้วก็จากกันไป แต่แน่นอนว่าคู่นอนของเขาไม่ใช่ฉันแน่ เวลาผ่านพ้นไปหนึ่งเดือน นาเดียได้ลาพักร้อนและโทรไปบอกเขาว่าวางแล้วจะไปหานะ เขาดีใจมากที่เราจะไปหาเขา พอวันรุ่งขึ้นเขาซื้อตั๋วเครื่องบินให้และเขาก็มารอรับที่สนามบินภูเก็ต ได้เจอตัวจริงเป็นครั้งที่สอง ก็คุยกันบลา บลา เขาดูเป็นผู้ใหญ่ น่ารัก โรแมนติก ใส่ใจเราทุกอย่าง ถามทุกๆชั่วโมงว่าหิวไหม? อยากดื่มอะไรหรือเปล่า? เราสองคนอยู่ด้วยกันสามอาทิตย์ที่บ้านของเขา และแล้วก็ถึงเวลาที่ต้องกลับไปทำงานที่ชลบุรี เขาไปส่งที่สนามบิน ก่อนขึ้นเครื่องเขาได้ยื่นเงินให้ก้อนหนึ่ง นาเดียก็บอกเขาไปว่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่านะจะเอาเงินมาให้ฉันทำไม เขาบอกไม่ต้องพูดเอาไปเถอะ นาเดียก็กลับไปทำงานปกติ ตอนที่3 ชีวิตที่ได้พบกันเเละปัญหาที่เกิดขึ้น เขาก็โทรมาหาทุกวันจนนัดเจอกันอีกเป็นครั้งที่สอง นาเดียบินไปหาเขาและก็ไปพักร้อนกันที่เขาหลัก เขาพาไปทานข้าวและก็นั่งคุยถึงเรื่องราวต่างๆจนกระทั้งเขาถามว่า ทำไมนาเดียถึงมาเจอและอยู่กับเขา? เจอคำถามก็อึ่งอยู่สักพักแล้วก็มองไปที่หน้าของเขา แล้วบอกไปว่า เพราะคุณน่ารัก ใจดี ตลก ติ๊งต๊อง อยู่ด้วยแล้วมีความสุข และฉันก็รักคุณ เขามองหน้าและจับมือนาเดียแล้วบอกกลับมาว่าเขาเองก็รักนาเดียเหมือนกันแต่ไม่กล้าพูดก่อน เพราะกลัวว่านาเดียจะไม่รักเขา เขาขอให้นาเดียลาออกจากงานและย้ายไปอยู่กับเขา ใจกล้าค่ะกลับไปชลบุรีและลาออกจากงานและบินกลับไปอยู่กับเขา อยู่ด้วยกันได้สองอาทิตย์เขาพาไปขอวีซ่าเพื่อไปท่องเที่ยวที่เยอรมนีและอิตาลี แต่จู่ๆปัญหาก็ตามมาค่ะเพราะแฟนเก่าของนาเดีย(ชาวอังกฤษ)ที่เลิกกันไปเป็นปีได้รู้ว่าสามีจะพานาเดียไปเที่ยวที่เยอรมนี เขาส่งอีเมลล์มาหาสามีและบอกสามีว่าเขารู้จักนาเดียและอยู่ด้วยกันมาห้าปี แต่นาเดียได้หนีออกจากบ้านไปโดยที่ไม่บอกเขาสักคำ แฟนเก่าเขียนเมลล์มาหลายเรื่องและบอกสามีว่าถ้าไม่อยากเสียใจ อย่าพานาเดียไปเยอรมนีเด็ดขาด สามีอ่านเมลล์เสร็จก็มาถามนาเดียว่าแฟนเก่าเธอรู้ได้ไงว่าเรากำลังจะไปเยอรมนี นาเดียตอบไปว่าไม่รู้ เพราะตั้งแต่เลิกกับแฟนเก่าก็ไม่เคยติดต่อกันอีกเลย สามีบอกนาเดียว่าแฟนเก่าคบกับนาเดียมาห้าปี นาเดียสวนกลับทันทีจะคบกันห้าปีได้อย่างไร ฉันเพิ่งจะอายุยี่สิบปีเองนะ สามีบอกเขาเองก็ไม่เชื่อที่แฟนเก่าบอก แต่อย่างไรเขาก็ยังไม่เปลี่ยนความคิดที่จะพานาเดียไปเที่ยวที่เยอรมนี

เรื่องราวของนาเดียขอยกให้พี่เเอดมินค่ะ People

ตอนที่4 รู้สึกเหมือนถูกหลอก พอได้วีซ่าเราสองคนก็บินไปเที่ยวที่เยอรมนี เขาพาไปพบเพื่อนสนิทของเขาและบินไปเที่ยวต่อที่อิตาลี เที่ยวอยู่สามอาทิตย์ก็บินกลับภูเก็ต และใช้ชีวิตกันปกติจนวันหนึ่งได้รู้ว่าแฟนยังติดต่อกับแฟนเก่าของเขา(คนไทย)และยังมีผู้หญิงอีกหลายคนที่เขาติดด้วย ที่ได้รู้เพราะทุกครั้งที่มีคนโทรมาหาเขา เขามักจะรีบกดวางสายและปิดเสียงโทรศัพท์ทันที รู้สึกเหมือนโดนหลอกและถูกหักหลัง พอถามความจริงจากเขา เขาก็บอกไม่มีอะไรหรอกก็แค่เพื่อนเก่าที่รู้จักกันในที่ทำงาน ความรู้สึกตอนนั้นอยากบอกเลิกกับเขามาก แต่มีสิ่งที่ไม่คาดคิดกลับเกิดขึ้นเพราะนาเดียตั้งท้องลูกคนแรก เราสองคนดีใจมาก แต่แล้ววันหนึ่งนาเดียได้รับข้อความจากแฟนเก่า(คนไทย)ของสามีและหล่อนก็รู้ว่าเราสองคนกำลังจะมีลูกด้วยกัน ผู้หญิงคนนั้นเขียนมาบอกว่าแย่งแฟนคนอื่นระวังจะเป็นบาปถึงลูกในท้องนะ นาเดียไม่รอช้าค่ะถามสามีชะเลยว่าผู้หญิงคนนั้นรู้เบอร์โทรนาเดียได้อย่างไร? คิดกันอยู่หลายวันและสามีก็นึกขึ้นได้ว่าคงจะรู้มาจากแม่บ้าน เพราะแม่บ้านยังคงติดต่อกับผู้หญิงคนนั้นอยู่ อ้าที่แท้มีหนอนบ่อนไส้เอาเรื่องในบ้านไปรายงานฝ่ายนั้น นาเดียตกลงกับสามีและไล่แม่บ้านออก พอท้องได้สามเดือนสามีก็ส่งนาเดียไปเรียนภาษาเยอรมันเรียนจบคอสแรกใช้เวลาสามเดือน พอเรียนภาษาจบ รู้สึกอยากกลับไปเรียนต่อมหาลัย จึงปรึกษากับสามีแต่เขาไม่เห็นด้วยเพราะเห็นว่านาเดียท้องอยู่ พอท้องไกลคลอดสามีบอกว่าเราย้ายไปอยู่ที่เยอรมนีกันดีกว่า นาเดียก็เห็นด้วย ตอนที่5 ปัญหาใหญ่ที่ต้องตามเเก้ไขจนเกิบจะทำลายชีวิตคู่เเละเด็กน้อยตาดำๆ ปี 2553 นาเดียได้ให้กำเกิดลูกชายคนแรกและสามีได้โอนบ้านของเขามาเป็นชื่อนาเดีย ปัญญาที่สามตามมาอีกค่ะคือทางเจ้าหน้าที่ของสำหนักงานสรรพากรพื้นที่ ได้เข้ามาที่บ้านและทวงหนี้เกิบแสนบาทโดยที่สามีไม่รู้เรื่องอะไรเลย เป็นเพราะเขาเปิดบริษัทแต่เขาเอาชื่อบริษัทให้แฟนเก่าใช้ และผู้หญิงคนนั้นไม่ยอมไปเสียภาษีรายรับรายจ่ายของบริษัทเป็นเวลาสามีปี สามียืนยันว่าจะไม่จ่ายเงินให้กับสำหนักงานสรรพากรพื้นที่ เพราะเขาไม่ได้ไปถอนเงินในบริษัทมาใช้สักบาท แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สนใจว่าใครจะไปถอนเงินออกมาใช้แต่เป็นเพราะสามีคือกรมการของบริษัทชะนั้นสามีต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายเขาจะเข้ามาเอาของในบ้านที่มีค่าไปขายจนกว่าจะได้เงินที่ต้องการ นาเดียเลยบอกไปว่าบ้านนี้ไม่ใช่ของสามีพวกคุณไม่มีสิทธิเข้ามาเอาอะไรออกไปทั้งนั้น หากยังคิดจะเข้ามาอีกจะโทรแจ้งตำรวจ ทางเจ้าหน้าที่งงคิดว่าบ้านหลังนี้คงจะเป็นชื่อในนามบริษัท พวกเขาหายไปหลายเดือนมากแต่แจ้งหนี้มาทางจดหมายทุกเดือน สามีขอให้นาเดียช่วยปิดชื่อบริษัท แต่นาเดียเรียนจบแค่ม.6 ไม่มีความรู้เรื่องบัญชีสักอย่าง แต่ทุกอย่างก็ไม่เกินความสามารถของนาเดียค่ะ นาเดียพยายามทำทุกวิธีทางที่จะช่วยสามีปิดบริษัท นาเดียเดินเรื่องเอกสารเองทั้งหมดและเข้าไปเสียค่าปรับตามสำหนักงานต่างๆหลายที่มาก แต่กว่าจะปิดบริษัทได้นาเดียทะเลอะกับสามีทุกครั้งที่ไปสำหนักงานต่างๆเพราะเขาไม่รู้เรื่องเอกสารใดๆเลย ถามอะไรก็ไม่รู้เรื่องสักอย่าง นาเดียต้องไปขอคัดเอกสารใหม่หมดทุกอย่าง ช่วงนั้นเกลียดและโมโหสามีมากๆค่ะ จนขอเลิกแต่เขาบอกให้นาเดียใจเย็นๆเดี๋ยวทุกอย่างก็ดีขึ้นเอง ใช้เวลาอยู่สามปีถึงปิดบริษัทได้ รู้สึกโล่งใจค่ะ อยู่กับสามีได้รับทั้งความรัก ความอบอุ่น ความสุขและความเจ็บปวดค่ะ ตอนที่6 เพราะความรักเเละความอดทนจึงทำให้เรามีวันที่สดใส ปี 2556 นาเดียได้ให้กำเนิดลูกชายคนที่สอง สิ้นปี 2557 นาเดียขายบ้านได้และย้ายมาอยู่ที่เยอรมนี มาเดือนแรกต้องอดทนกับสภาพอากาศที่หนาวจัด อาหารการกิน วัฒนธรรมและอื่นๆอีกมายมาย ตอนนี้ก็มาอยู่ที่เยอรมนีได้หกเดือนกว่าๆแล้วค่ะ การใช้ชีวิตในต่างแดนต้องใช้ความอดทนสูงมากๆค่ะ นาเดียต้องไปช่วยงานสามีในบริษัทอาทิตย์ละสี่วัน ส่วนวันที่ไม่ไปทำงานก็อยู่บ้านเลี้ยงลูก ทำงานบ้านทุกอย่างและอ่านข้อสอบเพื่อที่จะไปสอบใบขับขี่ของที่นี่ค่ะ นาเดียเรียนภาษาเยอรมันจากเมืองไทยแค่สองคอส A1 และ A2 แต่นาเดียไม่เคยมีปัญญาเรื่องการสื่อสารกับคนที่นี้เลย แม้แต่ยามที่เจ็บไข้ได้ป่วยนาเดียต้องไปหาหมอเองคนเดียว สามีไม่เคยไปเป็นเพื่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียวเพราะเขาต้องไปทำงาน ถึงแม้นาเดียจะเหนื่อยมากแค่ไหนก็ไม่เคยท้อแท้และสิ้นหวังค่ะ นาเดียและสามีลุกขึ้นสู้กับปัญหาทุกๆอย่างด้วยกันก็เพื่ออนาคตของลูกๆค่ะ ชีวิตของพวกเราสี่คนตอนนี้มีความสุขมากค่ะ มีความเข้าใจกันมากขึ้นและใส่ใจกันชึ่งกัน จนทำให้ลืมปัญหาต่างๆที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เป็นเพราะความรักที่เรามีให้กันจึงทำให้เราสองคนได้มีวันนี้ค่ะ นับตั้งแต่วันแรกที่เราอยู่ด้วยกันจนถึงวันนี้ก็จะครบเจ็ดปีแล้วค่ะพร้อมกับพยานรักอีกสองคน ขอให้เพื่อนๆพี่ๆทุกคนที่ไม่มีพ่อแม่คอยให้กำลังใจและอารมณ์สั่งสอนจงเลือกทางเดินชีวิตของตัวเองให้ดีที่สุดค่ะ นาเดียขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ (เรื่องราวทั้งหมดยังไม่จบนะค่ะยังมีบทสรุปของชีวิตอีกค่ะ นาเดียจะรีบไปเรียบเรียงเเละกลับมาเขียนต่อให้จบทันทีค่ะ) ตอนสุดท้ายค่ะ ตอนแรกที่นาเดียคบกับแฟนคนไทย พ่อกับแม่ได้รู้ข่าวและโทรมาด่าว่าเสียๆหาย เขาทั้งสองคนพูดว่า“ระวังจะเรียนไม่จบและท้องไม่มีพ่อนะ” น้าสาวของนาเดียก็โทรมาด่าอีกคนและบอกว่า“อายุแค่เพิ่งจะ 17 ปีจะรีบมีผัวไปทำไมกัน ไม่สงสารพ่อแม่บ้างเหรอที่ทำตัวแหลวไหลแบบนี้”นาเดียก็เถียงกับน้าสาวค่ะ ว่าถ้าไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือก็อย่ามาสั่งสอนนาเดียเลย นาเดียโตแล้วรู้ว่าอะไรควรทำและไม่ควรทำ น้าจะไปตายที่ไหนก็ไปเลย นาเดียไม่อยากเห็นหน้าน้าหรอก น้าสาวของนาเดียโกรธสุดๆแล้วก็วางสายไป ทุกคำพูดที่นาเดียได้ยินจากคนที่นาเดียเคารพที่สุดมันทำลายจิตใจนาเดียจนแหลกสลายไม่มีชิ้นดี นาเดียเสียใจมากและคิดสั้นค่ะ แต่มีบางสิ่งที่ทำให้นาเดียคิดได้คือการตามหาพ่อแม่และน้องชายแท้ๆ ตั้งแต่นาเดียย้ายไปอยู่กับครอบครัวใหม่ไม่เคยมีใครเล่าเรื่องของพ่อแม่แท้ๆให้นาเดียฟังเลยสักคน นาเดียพยายามทำทุกวิธีทางที่จะตามหาพ่อแม่และน้องชายแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้เจอกัน เพราะไม่มีใครให้ข้อมูลเกี่ยวกับพ่อแม่ เวลาผ่านพ้นไปเพียงไม่กี่เดือนที่ภูเก็ตได้เหตุคลื่นยักษ์ทล่มเกาะและทำให้น้าสาวของนาเดียเสียชีวิต นาเดียรู้สึกผิดที่ไปด่าว่าน้าเขาก่อนหน้านี้ แต่แฟนบอกว่าอย่าไปคิดมากเลยมันเป็นอุบัติเหตุ น้าเขาไปสบายแล้ว หลังจากเหตุการณ์ต่างๆจบสิ้น นาเดียและแฟนก็มีปัญหากันโดยจับได้ว่าเขาไปมีผู้หญิงคนใหม่ที่ทำงานด้วยกันในร้านขายส้มตำและเขาก็ขอเลือกที่จะไปอยู่กับผู้หญิงคนใหม่ แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาได้ฝากรอยแผลเป็นไว้บนร่างกายของนาเดียชนิดที่ติดตัวไปจนวันตายนั้นก็คือรอยสัก นาเดียคงยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่ารอยสักนั้นมันไม่ดี ตลอดเวลาที่นาเดียอยู่กับแฟน นาเดียเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในห้องเช่าเองเกิบทั้งหมดรวมถึงค่าอาหารด้วย แฟนไม่ค่อยช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆเลย มีแต่ขอยืมเงินที่นาเดียทำงานได้ไปลงขวดเหล้าหมด ยืมเงินไปไม่เคยคืนสักบาท จนเงินนาเดียในธนาคารเหลือแทบไม่พอที่จะจ่ายค่าห้องเช่า นาเดียต้องยอมอดข้าวและเก็บเงินไว้จ่ายค่าห้องเช่าตอนสิ้นเดือน ต้องรออีกเป็นสิบวันกว่าจะได้รับเงินเดือน นาเดียอดทนและไม่คิดที่จะโทรไปขอความช่วยเหลือจากใครสักคน สุดท้ายแฟนเก่ากลับมาเยอะเย้ยที่นาเดียโง่ให้เขายืมเงินจนตัวเองต้องอดข้าว แต่นาเดียก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขามากมายและบอกให้เขาไปห่างๆนาเดีย เพราะเราเลิกกันแล้วอย่ามาจองเวรจองกรรมนาเดียเลย นาเดียยอมรับว่านาเดียโง่เองที่ตัดสินเลือกคนผิด ทุกอย่างจบสิ้นลงและเราก็ต่างคนต่างไปใช้ชีวิตของตนเองค่ะ พอคบกับแฟนคนอังกฤษไม่นาน พ่อแม่เริ่มติดต่อมาหานาเดีย พูดจาดีด้วยเสมอและขอให้กลับไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน นาเดียเริ่มสับสนว่าพ่อแม่ต้องการอะไรกันแน่ สุดท้ายสิ่งที่นาเดียคิดเอาไว้ก็เกิดขึ้นเพราะพ่อแม่ได้โทรมาขอยืมเงิน 500,000 บาท นาเดียบอกไปว่านาเดียไม่มีเงินให้ขนาดนั้นหรอกค่ะ อายุแค่นี้จะไปหาเงินที่ไหนได้มากมาย พ่อแม่บอกก็ไปขอจากแฟนฝรั่งชิมันมีเงินไม่ใช่เหรอ จะโง่ให้มันหลอกฟันฟรีทำไม นาเดียบอกพ่อแม่ไปว่านาเดียทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เพราะมันไม่ใช่เงินของนาเดีย พ่อแม่อย่ามาบังคับเอาอะไรจากนาเดียเลยค่ะ นาเดียไม่มีอะไรให้หรอกค่ะ พ่อแม่ก็พูดขึ้นว่าอะไรมันว่ะมีแฟนฝรั่งทั้งที่ไม่คิดจะตอบแทนบุตรคุณที่เลี้ยงมาบ้างเลยหรือไง? เป็นเพราะเงินจึงทำให้คนตาบอดไม่คิดถึงหัวอกคนเป็นลูกบ้างเลย เรื่องของพ่อแม่ จบไปด้วยการตัดขาดความสัมพันธ์และไม่ติดต่อกันอีกเลยค่ะ อยู่ๆป้าและคนอื่นๆที่รู้จักนาเดียและพวกเขารู้ว่ามีแฟนฝรั่งก็พากันโทรมาขอยืมเงินใหญ่เลย โดยที่ไม่ฟังเหตุผลที่นาเดียบอกไปสักคำ แต่ทุกคนก็ไม่ได้อะไรจากนาเดียสักบาท สุดท้ายนาเดียไม่เหลือใครสักคนนอกจากตัวเองค่ะ กับแฟนฝรั่งก็เลิกรากันไป โดนคนดูถูกและเหยียบยามสารพัดจะบรรยายค่ะ เลิกกับแฟนฝรั่งก็มีเงินติดตัวไม่กี่บาท นาเดียพยายามที่จะออกติดตามหาพ่อแม่และน้องชายแท้ๆอีกครั้ง สุดท้ายได้พบกับพ่อและน้องชายที่จังหวัดนครศรีธรรมราชค่ะ ทุกคนดีใจมากที่เจอนาเดีย และนาเดียก็ถามถึงเหตุผลต่างๆที่พ่อแม่ยกนาเดียให้กับคนอื่น แต่มันเป็นเรื่องเศร้าค่ะ พ่อตอบว่าพ่อแม่จนไม่มีปัญญาเลี้ยงลูกสองคนได้ ถ้าลูกอยู่กับพ่อก็คงได้เป็นแค่ลูกสาวชาวสวนที่ไม่มีการศึกษา พ่อรู้ว่าพี่ชายพ่อต้องเลี้ยงนาเดียให้มีอนาคตที่ดีได้แน่ นาเดียและพ่อก็ถามกันถึงเรื่องทุกข์สุขแล้วก็เรื่องอื่นอีกมากมายค่ะ แต่นาเดียไม่เห็นแม่ก็ถามพ่อว่าแม่ไปไหน? พ่อตอบว่าแม่หนีไปมีครอบครัวใหม่แล้วทิ้งน้องชายไว้หลังจากที่ยกนาเดียให้พี่ชายพ่อไม่กี่เดือนและย้ายไปอยู่ที่จังหวัดหนึ่งที่ภาคอีสาน นาเดียเสียใจและร้องไห้และคิดว่าชาตินี้คงไม่มีบุญวาสนาได้เจอกับแม่แท้ๆ หลังจากนั้นเป็นต้นมานาเดียก็ช่วยเหลือพ่อและน้องด้วยเงินเล็กๆน้อยๆค่ะ ถึงแม้เราจะไม่สนิทสนมกันแต่นาเดียก็ดีใจที่ได้เจอพวกเขา พอคบกับสามีคนปัจจุบัน ปัญหาต่างๆเกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกที่นาเดียเข้าไปอยู่ในบ้านของเขา สามีเป็นคนขี้หึงและดื่มเหล้าเก่งมาก เขาไม่เคยปล่อยให้นาเดียออกจากบ้านไปไหนคนเดียวเลย วันไหนที่สามีดื่มเหล้าแกก็จะหนีไปเที่ยวที่ป่าตองประจำ โดยที่ไม่บอกนาเดียสักคำ เดือนหนึ่งหนีไปเที่ยวแปดครั้งค่ะ กลับบ้านทีก็สว่างไปรู้แกไปเที่ยวอีท่าไหน พอจับเข่าคุยแกก็บอกว่าจะไม่ทำอีกแล้ว นาเดียก็ให้อภัยเขาค่ะเพราะยังรักเขาอยู่ วันหนึ่งเขาขอไปเที่ยวกับเพื่อนสนิทและกลับบ้านมาด้วยอาการเมาสุดๆ พอมาถึงบ้านแกถามนาเดียว่าลูกในท้องเป็นของใคร ไปทำแท้งไหม? นาเดียก็งงและถามแกว่าไปโดนใครเป่าหูมาอีก วันๆนาเดียก็อยู่แต่ในบ้านไม่ได้ไปไหนแล้วจะให้ไปท้องกับใคร? คุณบ้าไปแล้ว ถ้าไม่คิดจะรับผิดชอบก็บอกมาดีๆอย่ามาใช้วิธีสกปรกแบบนี้กับฉันเลย สามีก็อธิบายให้ฟังว่าแฟนเก่าเขาส่งข้อความมาบอกว่าอย่าลืมตรวจดีเอ็นเอลูกในท้องนาเดียด้วยนะถ้าคลอดแล้ว เอ้อที่แท้เชื่อแฟนเก่าจนทำให้ตัวเองหลอน นาเดียเพิ่งจะท้องได้หกเดือน เริ่มทำให้นาเดียรู้สึกว่าสามีเริ่มเปลี่ยนไปและเห็นแกตัวมากขึ้น พอคลอดลูกได้สามเดือนแกหายหัวไปเที่ยวอีกค่ะ ปล่อยให้นาเดียและลูกอยู่บ้านคนเดียวประจำ นาเดียเลี้ยงลูกเองทั้งคืนทั้งวันไม่มีแม้แต่เวลาทำกับข้าวกินเอง แกไม่เคยถามหรือช่วยเลี้ยงลูกเลยสักวัน นาเดียเริ่มเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหวและบอกสามีว่าต้องการคนมาช่วยเลี้ยงลูก แกก็ให้นาเดียไปหาพี่เลี้ยงมาช่วยค่ะ ตลอดหกปีแรกสามีทำให้นาเดียมีน้ำตาและความเจ็บปวดใจมากค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้หญิง ขนาดมีหลักฐานมัดตัวแกไม่เคยยอมรับค่ะ อยู่ด้วยกันมาเกิบเจ็ดปีทะเลอะกันเป็นร้อยครั้งขอเลิกก็นับไม่ถ้วนค่ะ นาเดียหอบลูกหนีออกจากบ้านสองครั้งและสามีเองก็เช่นกันค่ะ แต่ทุกปัญหามีทางแก้ไขเสมอค่ะหากว่าเราทั้งสองยังคงรักกันอยู่ นาเดียและสามีปรับตัวเข้าหากันใหม่จนถึงทุกวันนี้ คุยกันทุกครั้งที่มีปัญหา เรื่องที่ผ่านมาในอดีตไม่ว่าจะร้ายแรงแค่ไหน นาเดียอภัยให้สามีทั้งหมดเพราะเขาสัญญาว่าจะไม่ให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้นอีกค่ะ และสามีก็ไม่อยากเสียนาเดียไปค่ะ เราสองคนอยู่ด้วยกันโดยที่ยังไม่แต่งงานและยังไม่จดทะเบียนสมรสค่ะ มีเพียงแค่แหวนแต่งงานแลกกันเพื่อเป็นพยานแห่งรักแค่นั้นค่ะ (การใช้ชีวิตคู่ต้องอดทนและปรับความเข้าใจกันให้ได้มากที่สุดแล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเองค่ะ)


 
 
 

Comments


คลิกดูเรื่องน่าอ่าน
Tag Cloud

ขออภัยกำลังอยู่ใน

ขั้นตอนทำเวปเพจคะ

 ThaiMadam's story

© 2014 by The Book of  Lover "Thai madamstory" Proudly created with Wix.com

  • Facebook B&W
  • Twitter B&W
  • Google+ B&W
bottom of page