รอยรัก โดย ภัทราลักษณา "เจ้ย"
- madamthaithai
- Jan 15, 2015
- 9 min read
รอยรัก เป็นเรื่องเล่าที่มาดามภัทราลักษณาต้องการเล่าให้สมาชิกฟัง ชีวิตของเธอฟันฝ่าอุปสรรคมากมายก่อนจะมาเป็นมาดาม มาเป็นกำลังใจให้เธอและมาเป็นกำลังใจให้กันและกันคะ
วันนี้ อากาศครึ้มๆ หนาวๆ จึงอยากเขียนเรื่องราว เรื่องเล่าของตัวเอง ที่ได้ประสบมา หลังจากได้อ่านเรื่องราวของเพื่อนๆที่มีปัญหาเกี่ยวกับการดำเนินชีวิต การเป็นมาดาม ผู้เขียนขอใช้นามในการเขียนว่า”สาวเจ้ย หรือเจ้ย” มาาเล่า เบื้องหลังของอาชีพสาวบาร์ให้ ฟัง เพื่อ เป็น วิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจแพลคาดว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆท่านคะ
ตอนที่ 1 สาวเจ้ย(ชื่อดีๆมาจากหนังเรื่องแหยมยโสธร) เจ้ยเป็นเด็กบ้านนอกธรรมดาคนหนึ่งจากทางอีสาน ฐานะทางบ้านปานกลาง เจ้ย เข้ามาทำงานในกรุงเทพตั้งแต่อายุ 16 เจ้ยคิดว่า ” ทำไม่พ่อแม่ พี่ๆไม่รักเจ้ยเลยทั้งๆที่เจ้ยเป็นลูกคนสุดท้อง “ ตั้ง แต่เด็กเจ้ยต้องหาเลี้ยงตัวเองมาตลอด ทำนา เลี้ยงควาย รับจ้างเกี่ยวข้าว ขอบอกว่าทำมาหมด แม่เป็นเเม่ค้าขายของขายก๋วยเตียว ตามบ้านนอก หมู้บ้านไหนมีงาน หมอลำ งานเลี้ยงงานบุญหรือที่ไหนมีฉายหนังกลางแปลง แม่จะพาเข็นรถ ไปขาย ขอบอกว่าไกลมาก 10- 20 กิโลเมตร เข็นไปขายเรียบทุกงานในพื้นที่นั้น ส่วนพี่ๆเจ้ยๆไปทำงาน กทม ในตอนนั้น มีแต่เจ้ยที่อยู่กับพ่อแม่ แม่พร่ำสอนเจ้ยตลอด ว่า “ขยันๆทำงานเก็บเงินแก่ขึ้นจะได้ไม่ลำบาก” เจ้ยก็ได้แม่คนขยันก็เลยขยันตามแม่ นี่แหละ!!!ชีวิตจริงของสาวเจ้ย สาวน้อยบ้านนา
เวลา มี หมอลำหรืองานอะไร เจ้ยจะเข็นรถใส่แคร่ ขายลูกขิ้นนึ่งเอย ขนมปังปิ้ง ขายของตามแคตตาล็อกให้คุณครูบ้างให้เพื่อนบ้าง ทำทุกอย่างที่จะได้เงินมาใช้จ่าย สู้ชีวิตสุดๆในตอนนั้น เพราะเวลาเจ้ยขอเงินแม่ แม่จะบ่น และไม่เคยได้เงินไป โรงเรียน เกิน5 บาท ทั้งๆพี่ๆ ส่งเงินให้แม่ ทำให้รู้สึกว่าพ่อแม่พี่น้องไม่รัก ส่วนพ่อแม่เจ้ยตบตีกันประจำ เจ้ยเองโดนตีบ่อยจนชิน เจ้ยคิดตลอดเจ้ยไม่อยากอยากมีครอบครัวแบบนี้ อยากรีบจบ ม.3 จะได้รีบเข้าไปหางานทำที่ กทม
ตอนที่ 2 การเรียน เเละ ความรัก เจ้ย เคยอ่านกระทู้ของเพื่อนในนี้คนหนึ่งที่เขาเล่าว่า พอตัวเขาเองตกทุกข์ได้ยาก ญาติพี่น้องพึ่งไม่ได้เลย เจ้ยถึงได้เข้าใจเขามาก เพราะตัวเจ้ยเองโดนแบบนั้นเหมือนกัน อย่างว่าหล่ะค่ะคนที่เป็นเหมือนกันถึงจะเข้าใจหัวอกเดียวกัน ส่วนคนที่บอกว่าพ่อแม่ยังงัย ช่วยลูกเสมอ อันนี้เจ้ยอีกคนที่ขอเถียงหัวชนฝา เพราะโดนกับตัวเองมาแล้ว เจ้ยเองสู้จนไม่รู้จะสู้อย่างไรแล้วในตอนนั้น เหมือนเด็กมีปัญหาเลยเนอะ แต่อย่างงัยเจ้ยรัก พ่อแม่ พี่น้องตลอด อาจจะมีน้อยใจบ้างแต่ไม่เกลียด เลยพยายามเรียนให้จบ ม.3 ขอบอกว่าเรียนเก่งด้วย จบ ม.3 แล้วอยากเรียน อาชีวะ ตอนนั้น อาชีวะดังมากแหละเจ้ยขอโควต้าได้ แต่ติดตรงที่ไม่มีใครส่งเรียน ตอนนั้นเลยบอกแม่ว่าไม่เรียนได้แต่ขอเรียน กศน น่ะจะได้จบม.6 เร็วๆ แล้วจะได้รีบไปหางานทำที่ กทม เจ้ยเรียน กศนอยู่ 1 ปีครึ่งได้วุฒิม.6 มาครอบครองแบบ งง เพราะ ไม่ได้ความรู้เข้าสมองเลย ได้แค่วุฒิมาประดับบารมี อยากเล่าเรื่องความรักในวัยเด็กนิดหนึ่งคงไม่ว่าน่ะค่ะ อ่ะอยากเล่าอ่ะ เล่าแต่เรื่องเครียดๆเดียวไม่หนุก ตอน ที่เรียนกศน มีญาติลูกพี่ลูกน้องแนะนำให้เล่นเพิส98 ใครทันบ้างค่ะตอนนั้น ขอบอกว่าฺ์ฺฮิตมาก เล่นไปจนรู้จักพี่คนหนึ่งที่เรียนอยู่ ม.ราม เจ้ยติดต่อกันตลอดทาง จดหมาย เป็นรักครั้งเเรกของเจ้ยเลยน่ะ สมมุติว่าชื่อ พี่ทัด แล้วกันน่ะค่ะ เจ้ยติดต่อกับ พี่ทัด ทาง จดหมายอยู่ปี กว่า จนนัดเจอกันที่ กทม หลังจากเจ้ยจบ ม.6 แล้วไปหางานทำที่ กทม ตอนเด็กเจ้ยเป็นเด็กที่น่าเกลียดม๊ากกกกกกกก อ้วน ดำ ล่ำ เตี้ย ครบสูตรของความขี้เหร่ แต่ยังมีหนุ่มตาบอด มาชอบอยู่น่ะจ๊ะจะบอกให้ บอดจริงๆน่ะ( แต่บอดข้างเดียว ) แต่เสือกดันเป็นญาติห่างๆ ความรักเลยโดนกีดกันเหมือนในนิยายเปะเลย ตอนนั้นไม่ค่อยมาย์เท่าไหร่เพราะเจ้ยยังเด็ก คิดว่าหาใหม่ได้ว่ะ พอเจ้ยจบม.6 จาก กศน เลยเข้าไปหางานทำที่ กศน พร้อมกับเพื่อนที่เรียน กศน มาด้วยกัน ตอนนี้ตื่นเต้นม๊ากที่จะได้เจอตัวเป็นๆของ พี่ทัด และแล้วมาถึงวันที่จะได้เจอ พี่ทัด ตัวเป็นๆ ตื่นเต้นมากค่ะตอนนั้นเพราะไม่เคยนัดเจอใครเลยในชีวิต พี่ทัด ดูหล่อมากในสายตาเจ้ย หน่าตี๋มี เขี้ยวด้วย เด็กบ้านนอกตัวน้อยๆหลงรักพี่ พี่ทัด ในทันทีค่ะ และไม่รู้อะไรไปดลใจ พี่ทัด มาคบกับเจ้ยในตอนนั้น จะว่าเป็นเพราะความสวยของเจ้ยไม่น่าจะใช่ เพราะตอนนั้นความขี้เหร่เจ้ยยังเสมอต้นเสมอปลายอยู่ พี่ทัด คบเจ้ย น่าจะเป็นเพราะความสงสารมากกว่าค่ะ พี่พี่เขา ดูเเลเจ้ยดีมาก พาไปหางานทำ ให้เงินเจ้ยใช้นิดหน่อย ตอนนั้นยังคบกันแบเด็กๆอยู่น่ะค่ะ แค่ จับมือถือแขนค่ะ ยังไม่ถึงขั้นนั้นน่ะค่ะอย่าคิดไปไกลหล่ะ แค่จับมือเจ้ยเขิลจนหน้าดำๆกลายเป็นหน้าเขียวแล้วค่ะตอนนั้น และ แล้วเจ้ยๆได้งานทำที่ห้างแฟชั่นไอแลน์ เป็นพนักงานขายโดนัท ได้เงินเดือน3500 ตอนนั้นรายได้ถือว่าน้อยค่ะ แต่ดีตรงที่ถ้าขายไม่หมดสามารถห่อกลับมากินที่บ้านได้ อันนี้แหล่ะค่ะ ที่ทำให้เจ้ยและเพื่อนเจ้ย อยู่รอดได้ในตอนนั้น โดนัท ช่วยชิวิตจริงๆ กินจนหน้าเป็นโดนัทเลย เจ้ยได้เงินเดือน3500 ส่งกลับบ้าน 1000 นอกนั้นค่าห้องค่า กิน ค่า รถ ต้องประหยัดสุดๆ เพราะเจ้ยอยากเรียนต่อ ปริญญาตรีที่ราม เลยต้องพยายามเบเงินเป็นค่าหน่วยกิด เลยหางานเสริม
ตอนที่ 2 การเรียน เเละ ความรัก ต่อเลยนะค่ะ ก็ เลยหางานเสริม คือ การไปตามบ้านเพื่อหาคนกรอกแบบสอบถาม อะไรชักอย่างนี้แหล่ะค่ะ เวลาเขาตอบเสร็จก็จะให้ ปากกา เป็นรางวัล เจ้ยมีพี่ชายที่ทำงานอยู่ กทม เป็นพนักงานออกแบบ แต่ไม่เคยให้เงินเจ้ยใช้เลย มีพี่สาวที่มีร้านขายไก่ของตัวเอง ที่ ตจว เจยเคยโทรไปขอเงินมาจ่ายค่าหน่วยกิด เจ้ยบอกเจ้ยอยากเรียน แต่พี่บอกอยากเรียนก็หาเอาเอง คำนั้นเจ้ยเจ็บและจำมาจนกระทั่งทุกวันนี้ แต่บอกไว้ก่อนน่ะค่ะว่าไม่ได้เกลียดแต่ น้อยใจและทำให้เจ้ยฮึดสู้ ชีวิตเจ้ยก็ดำเนินไปปรกติเหมือนคนทั่วไปค่ะ ทำงาน ไปด้วยเรียนไปด้วย ขี วิตไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น จน พี่ทัด บอกว่าให้ย้ายมาอยู่แถวหน้ารามเพราะมันใกล้มหาลัยจะได้ไม่ต้องลำบาก ในช่วงนี้แหล่ะที่เจ้ยรู้จักการมีแฟนจริงๆเป็นงัยตั้งแต่เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ไม่เคยจูบผู้ชายเลยสักครั้งและไม่เคยโดนผู้ชาบจูบ อยากรู้กันไหมเอ่ยว่าจะเป็นยังงัย ปากบวมค่ะขอบอกว่าปากบวมเจ็บลิ้นม๊ากกกกกกกกกกกกก ลิ้นนี้บวมไปหมดเลยค่ะตั้งแต่นั้นมาไม่กล้าจูบ พี่ทัด อีกเลย ยังคิดเลยว่าทำไมเจ็บแบบนี้ สรุปว่ากินอะไรไม่ได้ไปหลายวันจนเจ้ยไม่กล้าจูบกับ พี่ทัด อีกเลย ยังแอบถามเพื่อนเลยว่าเวลามึงจูบกันเจ็บลิ้นเหมือนกรูไหม ว่ะ ตอน มีอะไรกันครั้งแรก กลัวมากกกกถึงมากที่สุด แต่พี่ทัด บอกว่าถ้าไม่พร้อมไม่เป็นไรพี่รอได้ ตอนที่แกจะเอา...xxx.......ของแกเข้าไป เจ้ยถีบแกจนเกือบตกเตียงเลยค่ะ และแล้วเจ้ยก็ตกเป็นของพี่ทัด แต่ก็ยังถามว่าตกลงเรา ....xx....กันแล้วใช่ไหม ก็ในตอนนั้นไม่เห็นมีเลือดออกเลย มันไม่เห็นเหมือนในหนังเลยที่เวลามีไรกันผู้หญิง ต้องมีเลือดออก เจ้ยก็เลยไม่แน่ใจว่า ตรูเสร็จคุณมึงแล้วหรือยัง ตอน นั้นเช่าห้องก็อยู่กับพี่ทัด ตามปรกติเหมือนแฟนกันทั่วๆไปแต่ไม่อย่างว่าหล่ะค่ะรักในวัยเรียนเหมือนจุด เทียนกลางสายฝน พ่อแม่ พี่ทัด เห็น ว่า พี่ทัด เริ่มจะเสียการเรียนจึงจัดการแยกเราสองคน เหมือนในหนังเลยอ่ะ เจ้ยเสียใจมากเพราะขาด พี่ทัด ไป เจ้ยก็ไม่เหลือใครแล้ว ไหนจะจ่ายค่าห้องคนเดียวปัณหาต่างๆประดังเข้ามา จน เจ้ยเหมือนหมาจนตรอก หันไปทางไหนก็ไม่ได้แล้ว ไม่มีใครช่วยเลย ต้องออกจากงานไปหางานใหม่ทำเพราะจะได้มีจ่ายค่าห้อง จนไปขอสมัคร งาน รร หนึ่งแถวหน้าราม รร นี้ดังมากแถวหน้าราม อยู่ในขอย ราม65 ทีแรกเขาก็ไม่รับเจ้ยหรอก แต่เจ้ยตื้องัย เอาความน่าสงสารเข้าสู้ เงินก็ไม่มี ข้าวก็ไม่มีกิน ไม่รู้จะทำงัยแล้ว จน เขาสงสาร รับเข้าทำงาน ส่วนคนที่รับเจ้ยเข้าทำงานปัจจุบันนี้แกเป็นผู้บริหาร รร รองจากเจ้าของ รร น่ะค่ะ พอได้งานทำที่โรงเเรมชีวิตเริ่มดีขึ้นค่ะ แต่ก็ยังเสียใจจากพี่ทัด อยู่ คำว่าผู้หญิงบาร์เป็นยังงัยไม่เคยรู้เลยไม่เคยเห็นด้วย ชอย นานง นานา นี้ไม่รู้จักเลยค่ะ เป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งมีการงานที่ดีทำด้วยความเหงาเจ้ยเลยแชตหาคู่ ก็เลยได้รู้จักผู้ชายคนหนึ่ง เรารู้จักกันไม่กี่เดือนก็ตกลงเป็นแฟนกันทางอินเตอร์เนต ขีวิตเจ้ยไม่เคยโดนผู้ชายจีบเลยมั้งค่ะในชีวิตจริงเจอแฟนแต่ล่ะคนต้องให้อินเตอร์เนตช่วย คนนี้เจ้ยรักเขาม๊ากก มากกว่า พี่ทัด อีก เพราะด้วยความที่เข้าอายุมากกว่าเยอะ ดูเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่นข้อสำคัญเลยเราสามารถเกาะเขาได้
ตอนที่ 2 การเรียน เเละ ความรัก ต่อจากความเดิม เขาให้เจ้ยลาออกจากงานแล้วเรียนหนังสืออย่างเดียว ชีวิตตอนนี้เป็นไรที่ แฮป แอ่น ปี้ มากค่ะ ตั้งเกิดมาพึ่งจะเคยสบายก็ตอนนี้แหล่ะค่ะ มีห้องดีๆอยู่มีของดีๆกิน รู้จักคำว่า shopping มีเงินใช้เดือนละ 3 หมื่น ปรกติเคยจับเต็มที่ก็7000 ต่อเดือน แต่เจ้ยก็แบ่งส่งกลับบ้านทุกเดือน เวลาใครเดือดร้อนเจ้ยก็ช่วยตลอด เจ้ยมีพี่สาวคนละพ่ออยู๋ที่กรุงเทพ ร้อยวันพันปีไม่เคยติดต่อมาเลย แต่มีวันหนึ่งแกติดต่อเจ้ยมา แกมีอาชีพหลักคือจับแขกชาวต่างชาติตามผับตามบาร์ แถวสุขุมวิท พี่สาวคนนี้สวยม๊ากกก ตรงข้ามกับเจ้ยหมดเลย หมายถึง หนังหน้าและหุ่นน่ะค่ะ แกมีแฟนคนไทยค่ะก็อย่างว่าหล่ะค่ะ ทำงานหาเลี้ยงผัวด้วย ตอนนั้นเราไม่ประสีประสาในเรื่องนี้ เลยไม่ค่อยสนใจเรื่องของแกเท่าไหร่ แกมาขอเงินเจ้ยใช้ เจ้ยพอมีตังค์ก็พาแกไปหาชื้อเสื้อผ้าบ้างคือ ช่วยเกือบทุกอย่างเลยหล่ะค่ะ ขอให้เจ๊เเกบอกอยากได้อะไร เเกก็เลยได้ใจมาอาศัยอยู่ห้องเจ้ยบ่อยเจ้ยก็ไม่ว่าอะไรเพราะแม่สั่งเอาไว้ว่าช่วยพี่หน่อยน่ะเพราะตอนที่เจ้ยเป็นเด็กก็มีพี่คนนี้แหล่ะที่คอยช่วยทางบ้าน ตอนนี้แกตกยากไม่มีเงินทองก็ต้องช่วยแก พี่คนนี้นิสัยเสียอย่าง หนึ่งคือชอบทวงบุญคุณ เคยช่วยใครไว้ทวงหมด ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ ญาติพี่น้อง โดนทวงมาแล้วทุกคน ยกเว้นเจ้ยที่ไม่โดนทวงเพราะแกไม่เคยทำอะไรให้เจ้ย ถึงแม้เจ้ยจะมีแฟนแต่ก็เหมือนไม่มีค่ะเพราะพี่เขาค่อน ข้างยุ่งไม่มีเวลาให้เจ้ย เจอกันแค่อาทิตย์ละครั้งสองครั้ง วันสำคัญไม่ค่อยมีเวลาให้ เหมือนเราเป็นเมียน้อยเลยค่ะ แต่ก็ไม่ใข่เพราะเราสืบหมดแล้วว่าแกไม่เคยแต่งงาน ช่วงนี้ญาติติโก โหติกา ไม่รู้มาจากไหนกัน ใครๆก็รู้จักเจ้ยไปหมดตอนนี้ อย่างว่าแหล่ะค่ะคนมีเงิน ใครๆก็อยากเป็นญาติด้วย แต่ทุกคนลืมคิดไปว่าไม่เคยมีใครช่วยเจ้ยเลยตอนเจ้ยลำบาก แต่เจ้ยจำ แต่ไม่เก็บเอามาคิดแค้นอะไร คิดแต่ว่าเรามีเราก็ช่วยคนอืนเขาเท่านั้นเอง มีวันหนึ่งพี่สาว คนละพ่อ สมมุติว่าแกชื่อ พี่สอน แล้วกันจะได้ไม่สับสนเวลาอ่านน่ะค่ะ พีีคนนี้แหล่ะที่บอกว่าขี้ ทวงบุญคุณ แก ชวนเจ้ยไปนั่งดื่ม สุขุมวิท ช.5 ครั้งเเรกในชีวิตเลยค่ะที่เคยเข้าผับแบบนั้น ชื้อร้านอะไร น่ะ ใช่ กาลิเวอร์ป่ะ เจ้ยคิดว่าต้องมีคนรู้จักร้านนี้แน่ๆ แกก็ไปแสดงวิธีจับแขกให้ดู หมายถึง จับลูกค้าน่ะค่ะ ไอ้เราก็ไม่รู้หรอกนั่งดื่มไปงั้นแหล่ะ ดื่มน้ำส้ม ตอนนั้นเจ้ยก็อายุ 21 แล้วน่ะไม่ถือว่าเด็กแล้ว แต่ประสบการณ์ด้านนี้เด๊กเด็ก คืนนั้นพี่สาวไม่ได้ลูกค้าแกเลยไปหาลูกค้าประจำที่ รร โดยการพาเจ้ยไปด้วย ลูกค้าแกเสือกสนใจเจ้ย พี่ เลยมาบอกว่า แขกสนใจ ยอมจ่ายหนักด้วย เจ้ยก็บอกไปว่าไม่เอาเจ้ยไม่เคย ไม่สน เพราะเจ้ยมีแฟนเเล้ว แกก็เลยไม่ว่าอะไร แต่คงเสียหน้ามั๊งเพราะลูกค้าแกตื้อเจ้ยมาก สรุปแกมีอะไรกับลูกค้าโดยการให้เจ้ยนั่งรอที่ห้องรับแขก จัดเต็มให้เจ้ยในวันเเรกเลย
ตอนที่ 3 จุดเปลี่ยนชีวิต จริงๆเจ้ยไม่เคยคิดเลยน่ะค่ะว่าตัวเองจะเข้ามาในวงการนี้ได้ปรกติฝนตกมัน ต้องมีเค้ามาก่อน แต่นี้ไมีมีอะไรเลย อยู่มาวันหนึ่งแฟนคนนี้ก็หายไปจากชีวิตของเจ้ยเฉยเลย โดยการหลอกให้เราดีใจว่า พี่จะย้ายมาอยู่กับเจ้ยน่ะ แต่ขอพี่กลับไปเยี่ยมบ้านก่อน แฟนเจ้ยคนนี้แกเป็นคนใต้ค่ะ รักครอบครัวมาเป็นดับหนึ่งเลยค่ะ แต่เจ้ยก็พอจะรู้มาบ้างว่าครอบครัวแกไม่ค่อยปลื้มเจ้ยเท่าไหร่เพราะเจ้ย เป็นพวกไม่มีหัวนอนปลายตีน อะไรประมาณนั้น และพวกเขามองว่าเจ้ยยังเด็กเกินไป ยิ่งเล่ายิ่งเหมือนนิยายเลยเนอะ ไอ้เราก็ดีใจที่ในที่สุดแฟนก็จะได้มาอยู่ด้วยกันสักที แต่เหตุการณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เจ้ยรอแล้วรออีก โทรไปก็ไม่รับ รับก็บอกสัญญาณไม่ดี บอกติดธุระบ้างยังกลับ กทม ไม่ได้ หลายเหตุผลข้ออ้างมากมาย ตอนนั้นเจ้ยเสียใจมาก กลัวโดนทิ้งอีก พยายามโทรหา เพื่อให้ตัวเองสบายใจว่าเขาจะไม่ทิ้งเรา โทรหาเพื่อนของแฟนบ้าง ทำทุกวิธีทาง เหมือนหมาบ้าเลยตอนนั้น ที่ว่าอกหักครั้งแรก หนักสุดๆแล้ว มาเจอครั้งนี้หนักกว่านั้นอีก หนักจนอยาก kill my self กินไม่ได้นอนไม่หลับ ต้องกินยานอนหลับ เหมือนตายทั้งเป็นน่ะค่ะ ตอนนั้น ถ้าใครเคยโดนบอกเลิก หรือ เลิกกันโดยที่เราไม่รู้ว่าเราผิดอะไร มันจะเป็นอะไรที่ค้างคาใจมาก แถมยังเจ็บปวดสุดๆ ถ้าใครไม่โดนก็คงไม่รู้เนอะ เจ้ยเองก็เฝ้ารอแฟนมาตลอด1 เดือน อยู่แบบตายทั้งเป็นนั่นแหล่ะ ไม่กินไม่นอนอยู่แต่ในห้องเป็นเวลาเดือนกว่า จนมานึกได้ว่าจะต้องจ่ายค่าห้องแล้ว ไหนจะดูเเลหมาอีก2ตัวที่แฟนเก่าทิ้งไว้ให้ก่อนที่บอกว่าจะกลับไปเยี่ยมบ้าน เจ้ยเลยโทรกลับบ้านไปเล่าให้แม่ฟังว่่าเจ้ยโดนทิ้ง เจ้ยไม่อยากเล่าให้แม่ฟังเลยเพราะ แฟนคนนี้เจ้ยพากลับไปเยี่ยมบ้านเจ้ยด้วยแล้วบอกแม่ว่าเราจะแต่งงานกัน แม่แกถึงหวังไว้มาก พอเจ้ยเล่าให้แม่ฟังว่าเขาทิ้งเจ้ยแล้วน่ะ แม่ร้องไห้เลย ไม่รู้ว่าแม่สงสารเราหรือ กลัวอับอายชาวบ้านเพราะลูกสาวม่ายขันหมากก็ไม่รู็้ เจ้ยร้องไห้ถามแม่ไปว่า แม่อายชาวบ้านไหมที่หนูจะไม่ได้แต่งงาน แกบอกว่า ไม่อายหรอก จะอายทำไม แต่หนูน่ะไม่เป็นไรใช่ไหม อยู่ได้ใช่ไหม ตัวแม่เจ้ยเองก็ร้องไห้ ตั้งแต่เกิดมาจนจำความได้ไม่เคยทำให้แม่ร้องไห้เลย ตอนนั้นเจ้ยเสียใจที่ทำให้แม่อับอายและก็เสียใจที่ทำให้แม่ร้องไห้ เลยสัญญากับตัวเองว่าจะสู้ทุกอย่าง และจะทำทุกอย่างเพื่อแม่ ไม่ว่าตัวเองจะต้องเจอกับความลำบากอะไรบ้าง จะต้องทำให้แม่สบายให้ได้ นี้คือจุดเปลี่ยนชองชีวิตเจ้ย จากผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งต้องต้องเข้าไปพัวพันกับวงการณ์ที่หลายๆคน เรียก ว่า เคอรี่ หรือ โสเภณี
ตอนที่ 4 เส้นทางคุณโสตอน1 หลังจากที่เจ้ย อกหัก ก็หอบใจช้ำไปหางานทำ ด้วยวุฒ กศน งานน่ะพอหาได้ค่ะแต่เงินเดือนน้อยมาก คงไม่พอกับถาระที่ต้องจ่่าย ไหนจะค่างวดมอเตอร์ไชด์ที่แฟนเก่าชื้อให้แต่ผ่อนยังไม่หมด ไหนจะค่าห้อง ค่าหมา บางคนอาจจะบอกว่าก็ย้ายไปอยู่ที่ถูกๆ แต่ต้องเข้าใจว่าอภาตเม้นตามกรุงเทพ เขาไม่ให้เลี้ยงหมาน่ะค่ะ มี แต่หอเจ้ยเท่านั้นที่เขายอมให้เลี้ยง จะให้เจ้ยเอาไปปล่อยวัด เจ้ยก็ทำใจไม่ได้ เลี้ยงมาก็รักเหมือนลูก สบายมาด้วยกัน พอตอนลำบากเราจะทิ้งเขาได้เหรอ อีกอย่างหมามันก็เหมือนเป็นตัวแทนแฟนเจ้ย ตอนนั้นเจ้ยเกลียดผู้ชายไทยมากกกกกกกกก ไม่อยากคุยไม่อยากมองหน้า เกลียดเข้ากระดูกดำว่างั๊นเถอะ ตอน นั้นคิดอยู่อย่างเดียวว่าต้องหาเงินให้ได้พอมาจ่าย เดือนหนึ่งต้องหาได้ไม่ต่ำกว่า หมื่น แล้วจะมีงานไรหล่ะ จะได้เงินเดือนตั้งหมื่น ถ้าไม่ใช่ งานอย่างว่า วันนั้นเจ้ยนั่งรถเมลจากหน้ารามไปสมัคงาน แถวสุขุมวิท วันแรกเลยไปนั่งจับแขกที่ ร้านกาลิเวอร์กะจะลองทำเหมือนพี่สาว ไปนั่งอยู่ประมาณ 4 ถึง 5 คืน ไม่มีฝรั่งมาจีบ ถึงจะมีมาแต่เจ้ยก็พูดฟังไม่ออก ท้อและสิ้นหวังมากเลยตอนนั้น
เจ้ยเลยตัดสินใจไปสมัครงานที่ชอยนานา กะว่าขอเป็นเด็เสริฟก็ได้ เพื่อเราจะหาทิปได้เยอะ พอเดินเข้าไปใน นานา พลาช่า แถวนั่นบาร์เยอะมาก เลยลองเข้าไปสมัครงานร้านหนึ่งหน้าร้านจะมีผ้ายาวๆปิดไว้ ข้างในจะมืดๆนิดหนึ่ง จะมีฟรอร์ด้วย เราก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผู้จัดการก็ถามว่าจะทำงานตำแหน่งอะไร เป็นเด็กเต้นหรือเด็ดเสริฟ เจ้ยเลยถามว่าเด็กเต้นเงินเดือนเท่าไหร่เด็กเสริฟเงินเดือนเท่าไหร่ ผู้จัดการบอกว่าเด็กเสริฟ 4000 ไปแขกไม่ได้ เด็ดเต้น 10000 พอเจ้ยได้ยินคำว่า เงินเดือนหมื่นเจ้ยตื่นเต้นมาก ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่าเต้นอะโกโก้เป็นงัยต้องใส่ชุดแบบไหน อีกอย่างตอนนั้นไม่มีพนักงานมาทำงานเลย เจ้ยคิดง่าคงใส่เสื้อผ้าเต้นธรรมดา เจ้ยบอกว่าเจ้ยไม่เคยเต้นน่ะ ผู้จัดการบอกว่าไม่เป็นไรยังงัยเข้าไปดูพวกพนักงานเข้าเต้นตอนเย็น เจ้ยก็เลยโอเคค่ะ เจ้ยเลยกลับห้องเตรียมเสื้อผ้ามาทำงาน พอกลับไปที่ร้านนั้นอีกที แถบจำร้านไม่ได้ เพราะแสงสีเสียง ไม่เหมือนตอนกลางวันเลย เจ้ยเดินเข้าไปในร้าน คิดสถาพออกไหมค่ะเหมือนเเด็กบ้านนอกเข้ากรุงอ่ะ ดีอยู่อย่างเดียวคือไม่อเได้ถือชลอมเข้าไปด้วย ข้างในร้านมีฝรั่ง อยู่ไม่มากเท่าไหร่แต่พนักงานเต้นนี้เต็มร้านเลยค่ะ เห็นครั้งแรกเจ้ยตกใจช็อคค เลยค่ะ พนักงานเต้นที่นี้ใส่ชุดว่ายน้ำเต้นบนฟรอ บางคนถอดเสื้อใน เจ้ยเห็นอย่างนั้นขาสั่นพั๊บๆเลยค่ะ เหมือนจะเป็นลม จะอ๊วก นำตาไหล ไม่รู้ว่าเดินออกจากร้านมาตอนไหน ออกมาแบบ งง กับชีวิต ถามตัวเองว่าชีวิตตกต่ำมากแล้วใช่ไหมตอนนี้ เล่าต่อเลยแล้วกันน่ะค่ะเพื่อไม่ให้ขาดตอน จะว่าไปอาชีพนี้ก็ดีอย่าง ได้เที่ยว ฟรี กินฟรี ได้ ตบตีกันเองเพื่อแย่งเเขก หรือ จะตีกับลูกค้าเองก็ตาม ไหนจะได้ขึ้นเครื่องบินอีกทั้งๆเกิดมาก็ไม่เคยขึ้น ได้ไปตามโรงเเรมหรูๆ กินอาหารแพงๆ ประมาณว่าคนทำงานธรรมดาคงไม่ได้มีโอกาศ แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งที่น่าถูมิใจสักเท่าไหร่หรอกค่ะ อย่างว่าแหล่ะค่ะอาชีพนี้อย่างที่รู้ๆกัน มันเป็นอาชีพของคนบาป เข้าง่ายแต่ออกยาก เหมือน ม.รามเลยค่ะ สรุป คืนนั้นเจ้ยก็ไม่ได้ทำงานหรอกค่ะ เพราะมันเเร๊งเกินไปสำหรับเจ้ย ตอนนั้นยังไม่พร้อมที่จะเป็นเคอรี่น่ะค่ะ คืนตอ่มาก็เลยไปสมัคงานที่ชอย สุขุมวิท 33 ในชอยนี้ค่อยโอเคหน่อย ดูไม่น่ากลัว และร้านที่เจ้ยเข้าไปสมัครงาน เป็นร้านที่ดูดี ดูไฮโช พนักงานแต่งตัวสวยๆทั้งนั้น ไม่มีการบังคับให้ไปกับแขก เงินเดือนก็ประมาณ 7000 ถึง10000 กว่า
ตอนที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน3 ชอยนี้เป็นชอยที่ฝรั่งมีเงินมาเที่ยวกันเป็นผับ บาร์ที่มีเกรด ค่าตัวผู้หญิงแพงมากในชอยนี้ เพราะฉะนั้นผู้หญิงในชอยนี้จะดูถูกผู้หญิงตามชอย นานา และชอย คาบอย ประมาณว่าคนละเกรด ว่างั๊นเถอะ สรุปว่าเจ้ยก็ได้งานทำในร้าน นโปเลียน ใหม่ๆทำเป็นเด็กในบาร์ชงเหล้าให้แขก ในร้านมันจะมี ส่วนในบาร์บริการเครื่องดื่มให้แขก คุยกับแขกได้แต่ห้ามออกมาข้างนอก ส่วนข้างนอกจะเป็นของผู้หญิงที่สามารคุยกับแขกเล่นพูลกับแขกได้ เหมือนผู้หญิงคาราโอเกะนั่นแหล่ะค่ะ แต่ไม่ใช่ เพราะในร้านไม่มีคาราโอเกะ งง กันเหรือเปล่าค่ะ เจ้ย ก็ทำงานอยู่ร้านนี้ได้เกือบปีน่ะ อยู่ข้างในบาร์ประมาณเกือบ6 เดือน เดือนหนึ่งหาเงินได้หมื่นกว่าก็โอเคแล้วสำหรับเจ้ย จากปรกตินั่งรถเมลมาทำงานแต่ตอนนี้เริ่มรู้ที่ทางมากขึ้น ขับมอเตอร์ไชด์มาทำงานเลยทีนี้ ไม่อยากบอกเลยว่าใบขับขี่ก็ไม่มี เวลาเจอด่านตรวจก็ทำเป็นปลดกระดุมเสื้อโป้นิดๆ รอดตลอดดดดดดด การเงินตอนนี้ถือว่่าโอเคค่ะมีจ่ายค่าห้องค่ากิน แต่อย่างว่าคนเราไม่เคยพอ ได้คืบแล้วจะเอาศอกได้ศอกแล้วจะเอาวา เมื่อเจ้ยเห็นพี่ๆคนที่ทำงานอยู่ด้านนอกบาร์ เขาทำงานสบายกันจังไม่ต้องมายืนทั้งคืนเหมือนเรา คือทำงานในบาร์ต้องยืนน่ะค่ะนั่งได้บ้าง แต่คนที่ทำงานข้างนอกนี้คือนั่งรอลูกค้าอย่างเดียว เจ้ยเลยอยากทำอย่างนั้นบ้าง เจ้ยเองก็อยู่ที่ร้านมาตั้ง6 เดือนแล้วเนอะก็พอเริ่มจะมีเพื่อนเบ้างแล้วก็เลยเล่าประวัติสู่กันฟังว่า เป็นงัยมางัยถึงได้มาทำอาชีพนี้กัน ส่วนมากจะมีปัญหาทางครอบครัวค่ะ ส่วนใหญ่เลยน่ะค่ะ ที่ว่าผัวคนไทยทิ้ง มีลูกบ้าง ต้องดูเเล ลูกคนเดียว ไหนจะบอกว่ายากจนบ้าง อกหัก บ้าง หลายเหตุผลจริงๆค่ะ แต่เขาก็พูดความจริงกันน่ะค่ะ ไม่รู้ว่าจะมาตอแหลกันทำไม คนในวงการนี้เเร๊งจริงค่ะ แร๊งและตรงมาก เข้าไม่ค่อยตอแหลกันหรอกค่ะ ผู้หญิงที่ทำงานอาชีพนี้จะมีข้อห้ามอยู่ 3 อย่าง ห้ามติดผู้ชายไทย ห้ามเล่นการพนัน ห้ามเล่นยาด้วย เพราะต่อให้หาเงินได้มากขนาดไหนแต่ถ้า เล่น ยา เล่น ไพ่ หรือติดผู้ชายไทย เงินไม่เหลือหรอกค่ะ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้เจ้ยยังไม่ได้เป็นคุณ โสเต็มตัวเลยน่ะค่ะนี้แค่เริ่มต้นเอง
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน 4 แต่อย่างหนึ่งที่เจ้ยรับไม่ได้เลยก็คือ แม่ทำงานอยู่ที่เดียวกันกับลูก ก็คือ แม่ลูกคู่หนึ่งทำงานที่ร้านเดียวกันกับเจ้ยนี้แหล่ะ แม่อายุ40กว่าลูกก็19 หรือ 20 นี้แหล่ะ จำไม่ค่อยได้แล้ว แม่ทำงานในบาร์ส่วนลูกทำงานนอกบาร์คือไปแขกได้แล้วโกหก ลูกค้าว่าเป็นพี่น้องกัน โอ้พระเจ้าช่วยกล้วยทอด ตอนนั้นรับไม่ได้จริงๆ คิดว่าแม่อะไรจะเห้ได้ขนาดนี้ว่ะ แต่ตอนนี้ชินแล้วค่ะ เพราะมันเป็นเรื่องปรกติสำหรับเจ้ยไปแล้วตอนนี้ที่เห็นว่าแม่ลูก ขายหอยเหมือนกันแล้วโกหกว่าเป็นพี่น้องกัน เจ้ยเคยคิดว่ามึงเลวคนเดียวไม่พอเหรอมึงยังจะลากลูกมาเลวหรือมาลงนรกด้วย เพราะการมีอะไรกับแขก ไม่ใช่เรื่องดีมีความสุขอะไรนักหนาน่ะค่ะ ทรมานด้วยช้ำไป เจอ แขกดีก็ว่าไปเจอแขกชาดิต แล้วจะหนาว อย่าบอกว่า มีเยอะเหมือนกันน่ะประเภทนี้ ทำงานเป็นทีมอ่ะ ทำงานเป็นครอบครัว พาญาติพี่น้องมาทำ เจ้ยก็ถามน่ะว่าทำไมทำแบบนี้ไม่สงสารลูกเหรอ เขาตอบมาว่าเพื่อลูกได้เจอคนดีๆ ลูก จะได้สบาย แล้วกว่าจะเจอคนดีๆหล่ะไม่ตายก่อนเหรอ หัวเด็ดตีนขาดยังงัยเจ้ยก็ไม่เคยชวนใครมาทำอาชีพนี้เลย มีคนเพื่อนบางคนหรือญาติบางคนรู้ว่าเจ้ยทำอาชีพอะไรแล้วพวกเขาอยากทำด้วย เจ้ยบอกพวกเขาไปว่า ให้กรูเลวคนเดียวก็พอแล้ว เจ้ยเองก็ทำงานอยู่ในบาร์มานานแล้ว เจ้าของร้านเลยบอกให้ลองมาทำด้านนอกดูคือคอยเทคแคร์แขกค่ะ หรือถ้าถูกใจเราสามารถไปกับแขกได้ มาม่าชังที่ร้านก็คอยแนะนำลูกค้าให้เจ้ยคอยเชียร์ให้ลูกค้าไปกับเจ้ย อวดสัพคุณว่าเจ้ยยังไม่เคยไปกับลูกค้าเลย ยังสดแต่ไม่ชิงน่ะ ในที่สุดเจ้ยก็ได้ลูกค้าเป็นฝรั่งหน้าตาดีคนหนึ่งดูบุคลิกแล้วเหมือนคนใจดี เจ้ยเลยยอมไปด้วยเพราะครั้งแรกของเรา เจ้ยก็อยากได้เจอคนที่ดีกับเจ้ย ตัวเจ้ยเองน่ะกลัวมากกกกกกที่จะไปกับเขา เหมือนจะไปทำสงครามกับ อีรักเลย ไหนจะกลัวว่ามันจะใหญ่สมคำรำลือหรือเปล่า คิดมากเพราะเรา ไม่เคยมีไรกับหรั่งมาก่อนเลย และ ก็ไม่เคยมีไรกับคนอื่นที่ไม่ใช่แฟนเรา โอ๊ย สารพัดจะกลัว ตกลงราคากันที่5000 บาท สำหรับ1 ขั่วโมง สมัยก่อนน่ะค่ะ ราคานี้หาไม่ได้แล้วค่ะตอนนี้
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน 4 ต่อค่ะ มันจับเจ้ยทอดเสื้อผ้า พยายามจะมาจูบเรา ไอ้เราไม่เคยก็กลัวสิค่ะ สัญชาติญาณ เอาตัวรอด ทั้งกัดทั้งถีบ เพื่อจะเอาตัวรอด ลืมไปเลยตอนนั้นว่าเขาเช่าเรามาแล้ว มัน โมโหเจ้ย มาก มันพยายามใช้เเรงของมันข่มขื่นเจ้ย จนมันสำเร็จ ความใคร่ หนำช้ำมันให้ค่าตัวเจ้ยแค่1000 บาท เพราะมันบอกว่าเจ้ยดูเเลมันไม่ดี นั่นแหล่ะค่ะคือประสบการณ์ครั้งเเรกของเจ้ย หลังจากมีครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่ สอง สาม ตามมา ชีวิตเจ้ยก็ตกลงสู่วงจรนี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วค่ะ ตอนนั้นเจ้ยกลายเป็นคุณโสอย่างเต็มตัวแล้วค่ะ บุหรี่เอย เหล้าเหล้า การพนันเจ้ยไม่เล่นค่ะ เจ้ยก็ทำงานเก็บเงินไปเริ่มรู้จักเพื่อนมากขึ้น แต่ก็เป็นเพื่อนๆที่อยู่ในวงการนี้แหล่ะค่ะ ถึงได้รู้งัยค่ะ ว่าคนที่มีการศึกษา เรียนจบ ปริญาตรี ก็ทำอาชีพนี้เหมือนกัน ไหนจะพวกที่ทำงานออฟฟิต เอย ตกดึกก็แปลงร่างกัน ไปที่นี้เลย ชอย11 ในผับตาม โรงเเรม ขอย11 ทั้ง ชอยนั่นแหล่ะที่พวกผู้หญิงเข้าไปจับหาลูกค้า ไหนจะ ผับใน โรงเเรมนานา เอย คนที่ทำอาชีพนี้ก็จะ แบ่งเป็น จำใจทำ กับเต็มใจทำ จำใจทำก็คือ เขา มีถาระ หรือความจำเป็นจริงๆที่ต้องก้าวเข้าสู่วงจรนี้ เคสนี้น่าสงสารมาก เพราะ บางคนรูปร่างหน้าตาไม่สวยต้องเอาความหน้าด้านเข้าสู้ ต้องกินเหล้าย้อมใจตัวเองก่อนทำงาน พอเมาแล้วจะได้ไม่อาย ไม่สามารถเรียกค่าตัวแพงๆได้ นอกจากว่าจะลูกค้าที่ใจดี สังเกตุกันไหมค่ะว่าผู้หญิงบาร์ที่มีอายุเยอะหน่อยจะมารยาทดี เวลาที่พวกคุณพาแฟนไปเที่ยวตามผับบาร์ หรืออะโกโก้ พวกพี่เขาจะดูเป็นมิตร จะพูดดี บริการดี เพราะพวกเขาหวังแค่ขอให้พวกคุณลี้ยงดื่มเขาสักดื่มสองดื่ม หรือ ทิป จากพวกคุณเพื่อพวกเขาจะได้มีเงินตรงนั้นไปจุนเจือครอบครัว
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน5 เจ้ย เองทำงานที่ชอยสุขุมวิท33 มาได้ประมาณปีกว่า ตอนนี้ลูกค้าเริ่มน้อยลงแล้วแขกดีๆพอมาเที่ยวหลายๆครั้งเข้าเริ่มรู้มากว่า ชอย33 แพง อยากได้ผู้หญิงราคาถูกๆ พวกเจ้ยกับเพื่อนในร้านก็ปรึกษากันว่า เราย้ายที่ทำงานไปทำที่ชอย นานา ดีไหมว่ะ สรุปไม่มีใครกล้าเสี่ยงเพราะบอส ขู่เอาไว้ว่าถ้าลาออกแล้วห้ามกลับมาทำงานที่เดิมอีก ตอน นั้นเพื่อนๆในกลุ่มต่างเกี่ยงกันว่าใครจะเป็นหน่วยกล้าตายคือ ออกไปหาประสบการณ์ก่อนถ้ามันดีจริงแล้วค่อยกลับมารับเพื่อนๆไปทำงานตอนนั้น เราทุกคนถึงแม้จะเคยทำงานด้านนี้แต่เข้าใจไหมค่ะว่าการทำงานมันไม่เหมือนกัน คือขายตัวเหมือนกันก็จริงแต่เราไม่ได้ให้ลูกค้าล้วงหอยหรือดูดนมในร้านน่ะ ค่ะ ลูกค้าที่นี้จะสุภาพมากไม่เหมือนลูกฝรั่งทั่วไป จะบอกว่างัยดีหล่ะ เอาง่ายๆคือ ลูกค้า หรือสถานที่ทำงานก็มีเกรดเหมือนกัน ต่อให้เป็นอาชีพคุณโสก็ตาม อีกอย่างชอยนานาเจ้าที่เขาเเรงค่ะ พวกเจ้ยเองก็กลัวความเเรงของผู้หญิงที่ชอยนานาเหมือนกัน เจ้ยเริ่มคิดหนักอีกแล้วที่นี้ว่ากรูต้องไปเสี่ยงอีกแล้วเหรอว่ะนิ ทำไมชีวิตต้องเป็นแบนี้ว่ะ ไปทำงานที่ไหมก็ต้องเริ่มงานใหม่ มีเพื่อนใหม่ ปรับสภาพใหม่ ความรู้สึกเจ้ยก็คงไม่ต่างจากพวกพนักงานออฟฟิตที่ย้ายงานกันนั้นแห่ละค่ะ แต่เอาว่ะเพื่อชีวิตดีขึ้น เพื่อได้เจอลูกค้าที่รักเราจริงไม่รังเกียติเรา เพราะที่นานา น่าจะมีโอกาศได้เจอลูกค้าฝรั่งเยอะ แตกต่างจากชอย 33 ที่คืนหนึ่งมีลูกค้าเข้าร้านไม่เกิน10 คน อย่างมากก็10 คนนั้นแหล่ะค่ะ แล้วพนักงานในร้านมีตั้งเกือบครึ่งร้อย แล้วคิดว่าจะพอเหรอ แย่งลูกค้ากันจนจะต่อยกันก็มี เจ้ยคิดว่าคนเราเกือบทุกคนต่างหวังอยากมีแฟน ฝรั่งเพื่อยกฐานะตัวเอง คิดว่ามีแฟนฝรั่งชีวิตจะดีขึ้นจะทำให้เราสบายขึ้น เจ้ยเองก็ตัดสินใจลาออกจากร้านที่ชอย33 มุ่งหน้ามาตายดาบหน้าที่ชอยนานา คราวหน้าคงได้ตายจริงแน่ แต่เจ้ยโชคดีอยู่อย่างคือเข้าคนง่าย มีเพื่อนได้เร็ว ไม่ค่อยมีปํญหากับใครเพราะนิสัยตอนนั้น นักเลงหน่อยคือ พูดจริงทำจริง เจ้ยได้งานทำที่ร้านอะโกโก้แห่งหนึ่งในชอย นานา นี้ก็ครั้งแรกเหมือนกันแหล่ะค่ะที่เคยเต้นอะโกโก้ อายมากกกก ไม่เคยใส่ชุดน้อยชิ้นเต้น ไม่ใช่ชุดชั้นใน่ะค่ะ แค่ออกแนวเช็กชี่หน่อยๆ ไปยืนเต้นตามเสา ต้องหาจับลูกค้าเอง ม่าม่าชังไม่สนใจมาหาแขกให้หรอกค่ะ เพราะพนักงานเยอะ ถ้าพูดเเรงๆก็ประมาณว่า ถ้ามึงทำไม่ได้ก็ตายอยู่ตรงนั้นแหล่ะ
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน6 เราก็เอาแล้วงัยเพื่อนก็ไม่มีเข้าลูกค้าก็ไม่เป็น จะเข้าลูกค้าก็กลัวว่าจะเป็นลูกค้าของผู้หญิงคนอื่น เอ่อแด๊กเลยค่ะตอนนั้น แต่ร้านอะโก้ๆเกือบทุกร้านจะมีเหล้าให้พนักงานดื่มน่ะค่ะ เหล้าฟรีค่ะ เพื่อให้พนักงานเมาจะได้ลืมยางอาย บางร้านให้เหล้าแสงโสม2ขวด3 ขวดบ้างแล้วแต่ร้าน ช่วงทำงานใหม่ๆก็ดื่มเเค่เเก้วสองเเก้วองค์ก็ลงเเล้ว เเต่ยิ่งอยู่นานไปเเก่พรรษาดื่มเป็นขวดๆองค์ยังไม่ค่อยอยากจะลงเลย เจ้ยก็ได้งานงานที่อะโกโก้แก่งหนึ่งในชอยนานา นั้นแหล่ะค่ะ จากคุณโส เกรด บี ต้องตกมาเป็นเกรด เอฟเเล้วตอนนี้ ได้ปรัสบการณ์มากขึ้นอีก กร้านโลกมากขึ้นอีก ผู้หญิงแถวนี้ เข้าอีแหล่โสตาย จริงจริง บางคนเเร๊งมาก ให้ลูกค้าดูุดหัวนมบ้าง เลียหอยบ้าง มันแทบจะเอากันคาร้านเลย หมายถึงว่าแขกยังไม่ได้ออฟ พาไปปี้้เลยน่ะค่ะ ยังเต้นอยู่ที่ร้าน แต่มันเต้นๆอยู่ก็ให้แขกเรียหอย ดูดนม สารพัดสารเพ ในการเชิญชวนเพื่อให้ลูกค้าออฟไปข้างนอก นี้แหล่ะอย่าเผลอปล่อยแฟนไปเที่ยวคนเดียวน่ะค่ะ สิ่งยั่วยุมันเยอะ ผู้ชายไม่ใช่พระอิดพระปูนน่ะค่ะ พ่อเเม่พี่น้อง ปล อะโกโก้ต่างๆเขาไม่ยอมให้ผู้หญฺงไทยหรือชายไทยเข้าไปน่ะค่ะต้องมีแขกฝรั่งพาเข้า่ อยู่ตรงนี้มาได้สักระยะประสบการณ์ได้มาเยอะมาก รู้วิธีการเข้าแขกการเอาใจแขก เจ้ยเองพออยู่ตรงนี้แล้วเริ่มมีเงินเยอะ ส่งให้ทางบ้านเยอะขึ้น แม่ขอหมื่น เจ้ยส่งให้ หมื่น ขอแสนเจ้นส่งให้แสน เจ้ยตั้งหน้า ตั้งตาหาลูกค้า หาเงินอย่างเดียว ความลง ความรัก ไม่สน ใครจะมาเลี้ยงก็ไม่เอาเลยตอนนั้น เพราะเจ้ยไม่ชอบหลอกลวงลูกค้า คือ ปี้ เสร็จ คือ จบ จะไม่บอกให้ลูกค้ามาเลี้ยงดู หรือถ้าลูกค้าจะมาเลี้ยงดูแต่เจ้ยไม่ได้รักเขาเจ้ยก็ไม่ตกลงน่ะ เจ้ยทำงานนี้เจ้ยก็มีจรรยาบรรณของเจ้ยอยู่น่ะ ส่วนมากลูกค้าชอบเจ้ยเพราะเจ้ยตรงและ แรง พอ ทางบ้านเจ้ยรู้ว่าเจ้ยมีเงินหาเงินได้เยอะ งานเข้าแล้วค่ะที่นี้ญาติพี่น้องมาขอเงิน เดือดร้อนนั้นเดือนร้อนหนี้ มาขอให้แม่เจ้ยช่วยเหลือ เจ้ยให้แม่เป็นคนถือเงินน่ะค่ะคือหาเงินได้เท่าไหร่ส่งกลับบ้านหมด เก็บไว้ค่ากินอยู่ค่าห้องแค่นั้นเอง การ พนัน พนัน เจ้ยไม่เล่นน่ะ เคยเล่นอยู่ครั้งหนึ่งคือเพื่อนๆนั้นแหล่ะมันชอบเล่นไพ่กันมันชวนเจ้ยไปเล่น เจ้ยเล่นเสียไป1500 ตั้งแต่นั้นมาไม่เคยเล่นอีกเลย เสียดายเงินอ่ะ กว่าจะหามาได้
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน7 เจ้ยหาเงินได้หลายหมื่นต่อเดือนน่ะ แต่ตัวเองไม่มีเก็บหรอกเพราะคิดว่าส่งให้แม่ เก็บดีกว่า เจ้ยกลัวเจ้ยเก็บเงินไม่อยู๋ พอแม่มีเงินเป็นก้อนแกคงตกใจมั๊งไม่เคยจับเงินเยอะ พี่น้องใครมาขอ แก ช่วยเขาหมดเลย โดยลืมไปว่าเจ้ยเป็นคนหาเงิน เวลาแกช่วยใครเจ้ยไม่เคยว่าน่ะ เพราะไว้ใจแม่คิดว่าแม่คงจะเก็บเงินไว้ให้เรา แต่เปล่าเลย แม่เอาเงินไปใช้หนี้ให้พี่ชายเป็นแสนๆ เจ้ยล้มทั้งยืนเลยตอนนั้น เสียใจมาก คิดว่าเราทำงานลำบากไม่เห็นมีใครสงสารเราเลย ตอนเป็นเด็กก็ไม่เห็นมีใครคอยมาช่วยเหลือ เจ้ย ก็เลยถามแม่ว่าแล้วมีเงินเหลือติดตัวเท่าไหร่ตอนนี้ แม่บอกเหลือ อยู๋ แสน หนึ่ง แกอยากเอาเงินนี้ไปชื้อที่นา หมายถึงมีคนเอาที่มาจำนำน่ะค่ะ เจ้ยก็เลย ตกลง นั้นคือเงินก้อนสุดท้ายที่เจ้ยมีอยู่ ตั้งแต่นั้นมา เจ้ยก็ไม่เคยให้แม่เก็บเงินอีกเลย เเต่เวลาแม่ขอเท่าไหร่เจ้ยก็ให้ พี่น้องขอเท่าไหร่ให้หมด คือ เจ้ยตัวคนเดียวอ่ะ คิดว่าตายไปก็เอาไปไม่ได้ สู้ทำให้ครอบครัวมีความสุขดีกว่า เจ้ยทำงานที่ร้านเดิมมาปีกว่าแล้ว ลูกค้าเก่าๆมันไม่เอาเจ้ยแล้วเจ้ยต้องหางานที่ใหม่ทำ เจ้ยก็เลยย้ายตัวเองไปทำอีกร้านอะโกโก้ชั้นบน ชื่อร้าน แองเจิลวิช ร้านนี้เจ้ยได้ ลูกค้าเยอะ เริ่มเกิบเงินได้เยอะ เจ้าของร้านเป็นกระเทยที่ใจดีมาก แกชอบสอนพนักงานให้รีบหาเงินสร้างตัวแล้วรีบออกจากอาชีพนี้ แกเองก็ไม่ได้สนับสนุนให้ใครต้องเดินเส้นทางนี้ แกเปิดร้านแกต้องทำมาหากินเหมือนกัน อันนี้คงเข้าใจน่ะค่ะ เป็นคนเหมือนกัน แต่ความคิด และเส้นทางเดินไม่เหมือนกัน เจ้ยเก็บ เงินได้ จำนวนหนึ่งเจ้ยเลยไปทำนม เพื่อจะได้มีลูกค้าเยอะขึ้น ตอนนั้นยอมรับว่าพยายามทำทุกอย่างเพื่อที่จะได้เงิน ได้ลูกค้าเพิ่มขึ้น ทำนมเอย คิ้ว เอย จมูกเอย คนที่เคยทำนมจะรู้ใช่ไหมค่ะหลังจากผ่าตัด มันเจ็บปวดขนาดไหน หมอให้พักผ่อนตั้งหลายเดือน ใช่ไหมค่ะ แต่ ของเจ้ย นอนพักที่ห้องแค่ 3 อาทิตย์ เจ้ยต้องกลับมาทำงานเพื่อหาเงิน เพราะเงินเก็บเหลือน้อยแล้ว เวลาไปกับแขกที โอํยยยยย ทรมานมาก เจ็บนม มาก ทุกข์แสนสาหัสเลยค่ะตอนนั้น กว่าจะได้เงินมา T T
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน8 อยู่ในร้านนี้ เจ้ยก็มีเพื่อนเยอะพอสมควร พูดคุยถามไถ่ว่าทำไมต้องมาทำงานกัน คำตอบก็เหมือนเดิมค่ะ กับหลายๆปัญหาของชีวิต ที่ไม่เหมือนกัน สุดแล้วแต่ปัญหานั้นเกิดขึ้นกับใครแล้วจะเลือกแก้ไขแบบไหน ส่วนพวก ที่มาทำอาชีพนี้เพราะชอบสนุกก็เยอะน่ะค่ะ ไอ้พวกอยากกินผู็ชายหล่อๆก็มีเยอะเหมือนกัน ทำเพื่อความสนุก หาเงินเพื่อชื้อความสนุกให้ตัวเอง พอเจ้ยทำนม มา ก็เริ่มมีลูกค้ามากขึ้น เริ่มเก็บเงินได้บ้างแล้ว แต่ติดตรงถ้าเราอยู่ทำงานที่ร้านนานแขกจะจำได้ เขาก็จะไม่ค่อยเอาเราแต่จะไปเอาเด็กที่เข้ามาทำงานใหม่ๆแทน ที่นี้ก็ต้องวิ่งวุ่นเดินสายแล้วค่ะ ต้องย้ายงานไปทำที่พัทยา ร้านแองเจิลวิชเหมือนเดิม แต่คนละสาขาค่ะ ที่นี้ก็ยิ่งได้รู้เห็น อะไรมากยิ่งขึ้น นึกว่าที่ นานา คุณโส แรงแล้ว พัทยา เเรงกว่าอีก ลดแลกแจกแถม ชื้อคืนแถมคืน ค่าตัวน้อยมาก ถึงมากที่สุด เหมือนแจกฟรีเลย แต่ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำจะหาเงินได้ยังงัย ถึงได้เขาใจคุณโสบางคนงัยค่ะ โดยเฉพาะผู้หญิงบาร์ 500 ก็เอาน่ะค่ะ แล้วพวกคุณๆคิดว่า ลูกค้าจะชอบไหมหล่ะค่ะค่าตัวถูกขนาดนี้ แต่บางคนก็ได้น้อยกว่านั้นน่ะค่ะ ถ้าเเก่หน่อย รูปร่างไม่สวยเหมือนสาวๆ เลือกมากไม่ค่อยได้หรอกค่ะ พวกนี้จะเอาราคาถูกเข้าล่อลูกค้าแล้วให้ลูกค้าติดหลายๆวัน จะได้เทคแคร์เอาใจ เพื่อหวังว่าฝรั่งจะรักและสงสาร ยอมเอาเป็นเมีย ก็หมายถึงเสียงดวงนั้นแหล่ะค่ะ ตัวเจ้ยเองก็ ทำงานบาร์บ้างทำอะโกโก้บ้างเก็บเล็กผสมน้อย จนมีเงินทุนก้อนหนึ่งกะเอาไว้ว่าจะเอาไปตั้งตัว อยากจะเลิกอาชีพนี้แล้ว เพราะเบื่อบ้าง ปลงบ้าง อีกอย่างอายุ ก็เพิ่มมากขึ้นทุกวัน ๆ คงสู้เด็กใหม่ๆที่เข้ามาวงการนี้ไม่ไหว ก็เลย เอาเงินเก็บที่ตัวเองมีอยู่ไป เปิดบริษัท ทัวร์ท่องเที่ยวพร้อมทั้งชื้อรถเก๋ง แบบดาว์ผ่อนส่งรายเดือน เงินลงทุนเยอะมาก เกือบล้านนั้นแหล่ะค่ะ ไหนจะจ้างพนักงานไหนจะชื้อของ ไหนจะค่ามัดจำที่เพราะเจ้ยเช่าที่ทางโรงแรมเปิดบริษัท กะว่าจะเลิกอาชีพนี้โดยเด็ดขาด แต่เหมือนกรรมเจ้ยยังไม่หมด เปิดบริษัทได้เกือบปี มีข่าวเสื้อเหลืองปิดสนามบิน ตอนนั้นธุรกิจเจ้ย พังยับเลยค่ะ ไม่โดนลูกค้าฟ้องก็ดีเท่าไหร่แล้ว เงินทุนที่ลงไปหลายๆแสนหายไปหมด เจ้ยแทบเป็นบ้าเลยค่ะตอนนั้น รู้สึกเหมือน ทำดีไม่ได้ดี
ตอน ที่ 4 เส้นทางคุณโส ตอน9 ตอนนี้เงินเก็บก็ไม่เหลือแล้วอายเพื่อนก็อาย ที่ทำธุรกิจแล้วไม่รุ่ง เลยตัดสินใจ ย้ายที่อยู่จากกรุงเทพ มุ่งสู่ภูเกต เพื่อจะกลับมาทำอาชีพเก่า วงจรชีวิตก็วนเวียนอยู่เหมือนเดิม หางานทำ หาเพื่อนใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อีก ต้องปรับตัวเหมือนกิ่งกาเปลี่ยนสีเลยค่ะ ต้องทำทุกอย่างที่จะได้เงิน ภูเก็ตค่าครองชีพสูงมาก เจ้ยนึกว่าค่าตัวจะสูงด้วย แต่เปล่าเลยค่ะ 500 ถึง1000 เหมือนกันสำหรับคุณโสที่จับแขก ส่วนพวกไหนที่เรียกค่าตัวได้เยอะหน่อยก็ทำตามอะโกโก้หรือ แล้วแต่หน้าตาตัวเอง สวยหน่อยสาวหน่อยก็ได้ราคาดี แต่ขอบอกว่าไม่เยอะน่ะที่ว่าราคาดีอ่ะ ไม่อยากบอกเลยว่าราคาเท่าไหร่ เพราะได้น้อยมาก ทุกคนหวังอย่างเดียวคือให้ลูกค้าติดใจแล้วอาจมีสิทธ์ได้เป็นมาดาม ตัวเจ้ยเองก็ทำงานที่ภูเก็ตมาปีกว่า กว่าจะได้มาเจอสามีเจ้ย คนที่ดึงเจ้ย ออกมาตรงจุดนั้นได้ ช่วงที่เจ้ยมาทำงานที่ถูเก็ตเจ้ยส่งเงินไปสร้างบ้านได้หลังใหญ่เลยน่ะค่ะ ไม่ใหญ่มากแต่ก็ดีกว่าเดิมมาก โดยที่ตัวเองยอมอดเพื่อให้แม่ได้มีเงินสร้างบ้าน ตอนนั้นแม่ยากได้บ้านใหม่เพราะบ้านเก่าเวลาฝนตกน้ำจะ เข้ามาท่วมบ้าน เจ้ยเองเงินก็ไม่มีเพราะเงินเก็บก็หมดไปกับการลงทุนทำบริษัท ก็ต้องพยายามหาเงินให้มากขึ้นโดย ไปเตน อะโกโก้ เลิกงานจากอะโกโก้ ตี2 ต้องไปจับแขกตามร้านนวดต่อ กว่าจะได้นอนก็เกือบเที่ยงวัน พอเข้าหน้าโล เจ้ยก็เปิดร้านขายก๋วยจับญวนที่หน้าตลาดแม่อุบลตอนเที่ยงถึงเย็นแล้วตอนสอง ทุ่มกว่าก็ปิดร้านไปทำงานที่อะโกโก้ ดีหน่อยที่มีเพื่อนที่ร้านเต้นเป็นลูกค้า เวลาเจ้ยไปทำงานต้องทำก๋วยจัญไปส่งเพื่อนด้วย เวลาเพื่อนหิวก็โทรสั่งเจ้ยก็ทำไปส่ง เงินรายได้ตรงนี้ก็เก็บเอาไว้สร้างบ้าน
ตอน ที่5 คู่เวรคู่กรรม ตอน1 เจ้ยได้เจอผู้ชายคนหนึ่งที่เข้าไปเที่ยวในร้านที่เจ้ยทำงานอยู่ เขาดูเป็นผู้ชายที่เรียบร้อยมาก ดูเป็นผู้ชายที่อบอุ่น ดูไม่เหมือนฝรั่งขี้นกเลยก็ว่าได้ ไม่รู้สิค่ะความรู้สึกตรงนั้นมันบอกให้เรารู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เหมือนลูกค้า ทั้งหลายที่เจ้ยเคยเจอมา ด้วยประสบการณ์ของเจ้ยเองที่ผ่านผู้ชายมาเยอะมาก เกือบ จะทุกประเทศเลยก็ว่าได้ ความรู้สึกบอกว่าผู้ชายคนนี้แตกต่างน่ะ ผู้หญิงเราทุกคนต่างมีเช้นส์ใช่ไหมค่ะ ร้อยวันพันปี เช้นส์เจ้ยมันไม่เคยทำงานเลย แต่ว่าครวนี้มันทำงานแฮ่ะ ตัว เจ้ยเองก็ห่างหายจากความรักมาหลายปีแล้ว เพราะไม่เคยเปิดใจให้ใครเลย ความคิดมีแต่เงินและเงิน คิดว่าชาตินี้ตัวเองคงไม่มีแฟนแล้วเพราะหายใจเข้าก็เป็นเงินหายใจออกก็เป็น เงิน ครั้งแรกที่เจ้ยได้เจอกับสามีคนปัจจุบัน เขาก็เป็นลูกค้าที่ร้านเจ้ยนั้นแหล่ะค่ะ ตอนแรกที่เจอกันก็ไม่ได้รู้สึกชอบหรือรักอะไรเลย แค่ถูกชะตาด้วย เจ้ยก็เข้าไปขอดื่มและก็ชวนเขานอนด้วยตามปรกติ ก็งานเราคืองานบริการ เราก็แค่คิดว่า ชวนเขาไปนอนด้วยเขาจ่ายค่าตัวเราก็จบ แต่ผู้ชายคนนี้กลับติดใจเจ้ย ชอบเจ้ยเพราะเขาเองก็เพิ่งมาเมืองไทยครั้งแรก คงยังไม่เคยได้นอนกับผู้หญิงขายบริการแบบนี้มาก่อนเลยติดใจ เขาก็เลยจ้างเจ้ยอยู่ต่อกับเขาอีกอาทิตย์หนึ่ง ช่วงอาทิตย์หนึ่งที่เจ้ยได้อยู่กับผู้ชายคนนี้ เจ้ยรู้สึกสงสารเขามาก เพราะเขาเล่าเรื่องราวชีวิตของเขาให้เจ้ยฟัง เขาเล่าว่าเมียเขาตายท้องกลม ตอนนี้เขาเสียใจมากเขาสูญเสียเมียและลูกไปหลายปีแล้วและยังไม่มีใคร เจ้ยสงสารและเห็นใจผู้ชายคนนี้มาก เจ้ยอยากเป็นคนดูแลรักษาแผลใจให้เขา โดยที่ไม่ได้ถามเขาก่อนเลยว่าเขาต้องการเจ้ย(หรือเปล่า) เจ้ยก็อยู่กับเขาตามปรกติเหมือนลูกค้าทั่วๆไปโดยไม่ได้คิดว่าเขาจะมาจริงจังอะไรกับเจ้ย เพราะเราสองคนคุยกับแทบจะไม่ค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่เพราะเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยได้ จนถึงวันที่เขาต้องกลับฝรั่งเศส เราก็ลากันปรกติ พอเขากลับถึงบ้านเขาก็พยายามติดต่อเจ้ย พยายามพูดอังกฤษ จนสามารถสื่อสารกับเจ้ยได้ เราก็ติดต่อกันทางอีเมลหลายเดือนจนเจ้ยยอมคบเขาเป็นแฟน เจ้ยเองก็ทำงานอะโก้ๆอยู่เหมือนเดิม เจ้ยเองก็เริ่มเบื่อกับการอะโกโก้แล้วเพราะช่วงนั้นลูกค้าก็ไม่ค่อยเยอะ อีกอย่างเจ้ยคิดว่าเราทำงานมานานแล้ว น่าจะหยุดได้แล้ว น่าจะมีครอบครัวได้แล้วตอนนั้นเจ้ยอายุ26 ทำงานในวงการมา 5-6ปีนี้ก็ถือว่านานแล้วน่ะ
ตอน ที่5 คู่เวรคู่กรรม ตอน2 เจ้ยเลยขอให้แฟนส่งเงินมาให้เจ้ยใช้จ่ายเป็นรายเดือนเพื่อที่เจ้ยจะได้เลิกอาชีพนี้สักที พอเจ้ยเลิกจากอาชีพนี้ได้ เจ้ยก็ไปทำงานเสริฟ์ ใช้ชีวิตแบบผู้หญิงธรรมดาทั่วๆไป ตอนนั้นแฟนดีกับเจ้ยมาก กลับมาเยี่ยมเจ้ยทุก3เดือนและ6เดือน เจ้ยมั่นใจว่าผู้ชายคนนี้หล่ะที่เราจะเอาเป็นสามี เพราะเจ้ยคิดว่าเขารักเจ้ย เจ้ยลองใจเขาหลายอย่างเหมือนกันโดยลองทำตัวแบบ งี่เง่า เอาแต่ใจสุดๆ ทำตัวไม่ดีหลายๆอย่าง แต่ไม่เคยไปมั่วกับใครน่ะค่ะ แค่ลองดูว่าเขาจะรับเจ้ยในแบบที่เราเป็นได้หรือเปล่า สรุปว่าแฟนเจ้ยสอบผ่านค่ะ เพราะแฟนเจ้ยรับเจ้ยได้ทุกอย่าง เจ้ยเลยพาแฟนไปหาพ่อแม่ที่ต่างจังหวัด เพื่อที่จะพูดคุยเรื่องแต่งงาน ค่าสินสอด ตั้งแต่เจ้ยเลิกกับผู้ชายไทยไปเจ๊ดแปดปี เจ้ยไม่เคยพาผู้ชายคนไหนกลับบ้านเพื่อที่จะไปเจอพ่อแม่เจ้ยอีกเลยน่ะ เพราะบ้านเจ้ยมันเป็นสังคมบ้านนอก ถ้าใครพาแฟนกลับบ้านแสดงว่า ผู้ชายคนนี้คือคนที่จะแต่งงานด้วย แฟนเจ้ยก็เข้ากับครอบครัวเจ้ยได้ดี ญาติๆเจ้ยก็ชอบแฟน เพราะแฟนเจ้ยเป็นคนใจเย็นดูสุขุม ดูเป็นผู้ใหญ่ เจ้ยกับแฟนก็อยู่บ้านอาทิตย์กว่า แล้วเขาก็กลับฝรั่งเศสตัวเจ้ยเองก็กลับไปทำงานที่ภูเก๊ตเหมือนเดิม แต่พอแฟนเจ้ยกลับไปได้เดือน เจ้ยก็ตั้งท้อง ตอนนั้นเจ้ยดีใจมาก เพราะเจ้ยเองก็อยากมีลูก เจ้ยเลยติดต่อบอกแฟน ทีแรกแฟนเจ้ยก็ดีใจที่เจ้ยตั้งท้อง เจ้ยเลยบอกแฟนว่าเจ้ยจะย้ายที่อยู่จากภูเก๊ตเพื่อจะกลับไปอยู่ที่บ้าน เพราะมันจะได้ลดค่าใช้จ่ายลง อีกอย่างเจ้ยก็อยู่คนเดียว ถ้าท้องโตเดียวจะไม่มีคนดูแล แล้วเจ้ยก็คุยกับแฟนเรื่องแต่งงานขอให้แฟนรีบมาแต่งงานก่อนที่ท้องจะโตไปมากกว่านี้ เพราะเจ้ยไม่อยากให้คนที่บ้านรู้ว่าท้องก่อนแต่ง และกลัวว่าถ้าท้องโตแล้วใส่ชุดแต่งงานไม่สวย แฟนเองก็ตามใจเจ้ยโดยหารู้ไม่ว่าเคราะห์หนักเริ่มเข้ามาสู่เจ้ยแล้ว T T
ตอนที่ 6 ท้องไม่มีพ่อ? ตั้งแต่เจ้ยย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่ แฟนเจ้ยก็เริ่มเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังทีน ติดต่อบ้างไม่ติดต่อบ้าง ที่หมู่บ้านเจ้ยไม่มีอินเตอร์เนต เจ้ยตั้องขับมอร์เตอร์ไชด์จากหมู่บ้านเพือที่เข้ามาตัวอำเภอเพื่อจะติดต่อแฟน ตอนนั้นตัวเจ้ยเองก็เริ่มใจเสียมากแล้วทีแฟนเปลี่ยนไป เริ่มเครียด คิดมากกว่าว่าแฟนจะทิ้ง กลัวว่าตัวเองจะท้องไม่มีพ่อ กลัวว่าจะไม่ได้แต่งงาน กลัวพ่อแม่เสียใจ กลัวจะทำให้พ่อแม่ขายขี้หน้าชาวบ้านที่ว่าลูกสาวท้องก่อนแต่ง หรือท้องแล้วไม่ได้แต่ง เจ้ยเองก็เริ่มทะเลาะกับแฟนมากขึ้น เพราะใกล้กำหนดแต่งงานแล้วตอนนั้นเจ้ยท้องได้สองเดือน เจ้ยเลยสารภาพกับพ่อแม่ว่าเจ้ยท้อง พ่อแม่ตกใจมากแต่พวกแกก็ไม่พูดว่าอะไรให้เจ้ย พ่อแค่บอกว่าให้รีบติดต่อแฟนให้มาจัดพิธีแต่งงานให้ทัน ตอนนั้นติดต่อแฟนก็ไม่ค่อยจะได้ เจ้ยเองพยายามที่จะไม่ทะเลาะกับแฟนเพราะกลัวว่าแฟนจะไม่มาแต่งงานกับเจ้ย กลัวทำให้พ่อแม่ขายขี้หน้า แต่ในที่สุด ความกลัวความกังวลของเจ้ยก็เกิดขึ้นจริง แฟนเจ้ยมันบอกเจ้ยว่ามันจะไม่ยอมแต่งงานกับเจ้ย ถ้าเจ้ยรักมันและอยากให้มันดูแลลูกในท้อง มันให้เจ้ยทำวีซ่าไปอยู่ฝรั่งเศสแล้วมันจะดูแลเจ้ยกับลูกเอง ตอนั้นเจ้ยช๊อคมากตั้งตัวไม่ทัน คิดว่าแฟนโกหก คงจะล้อเจ้ยเล่น เจ้ยเลยบอกพ่อกับแม่ว่าจะไปตามแฟนที่กรุงเทพ เพราะตอนนั้นได้เวลาที่แฟนที่กลับมาไทยแล้วตามที่เคยได้ตกลงกันเอาไว้ เจ้ยจะตามไปที่ โรงแรมที่แฟนแจ้งเอาไว้ว่าถ้ามาถึงกรุงเทพจะไปพักที่โรงแรมไหน ตอนนั้นทั้งเสียใจและช๊อกมาก ยอมนั่งรถทัวร์จากอุบลไปกรุงเทพใช้เวลาสิบชั่วโมง ทั้งๆเมื่อก่อนเจ้ยไม่เคยนั่งรถทัวร์มาก่อนเลยน่ะ เคยนั่งแต่ตอนเป็นเด๊กนอกนั้นก็นั้นก็นั่งเครื่องบินตลอด
ตอนที่ 6 ท้องไม่มีพ่อ? ตอน2 แต่ตอนนั้นเงินเจ้ยก็มีไม่เยอะแฟนก็ไม่ได้ส่งให้ เพราะเจ้ยบอกแล้วว่าแฟนเจ้ยเปลี่ยนไป ติดต่อได้บ้างไม่ได้บ้างเงินโอนบ้างไม่โอนบ้าง เจ้ย ไปถึงหมอชิตตอนตีสี่เจ้ยก็นั่งแท๊กชี่ไปขออาศัยห้องเพื่อนอยู่ที่หน้าราม เพื่อที่ตอนเช้าจะได้ไปติดต่อโรงแรมว่าแฟนได้เข้ามาพักหรือเปล่า เจ้ยภาวนาว่าขอให้ได้เจอแฟนเจ้ยขอให้สิ่งที่แฟนบอกเอาไว้ว่าจะไม่มาแต่งงานกับเจ้ยเป็นเรื่องโกหก ตอนเช้าเจ้ยก็ไปที่โรงแรมแต่เช้าแต่ในที่สุดความจริงก็คือความจริง พนักงานแจ้งว่า แฟนเจ้ยไม่ได้เข้าพัก ตอนนั้นเหมือนวิญญาณร่องลอยออกจากร่าง ตัวชา ใจหาย เหมือนจะขาดใจตายให้ได้ ไม่รู้นำตามาจากไหน ไหลเหมือนท่อ้นำ แตก ก้าวขาไม่ออก จนพนักงานเขาตกใจต้องเข้ามาพยุงเจ้ยไปนั่ง เจ้ยนั่งร้องไห้จนได้สติถึงได้นั่งท๊กชี่กลับห้องเพื่อน ไปคุยให้เพื่อนฟังเพื่อนเจ้ยเกลียดผู้ชายคนนี้มากที่ทำแบบนี้กับเจ้ย เจ้ยเองสงสารทั้งตัวเองและลูก ไหนจะพ่อแม่อีก จะมีหน้ากลับไปบอกพ่อแม่ได้ยังงัยว่าโดนแฟนทิ้ง ไหนจะท้องไม่มีพ่ออีก เจ้ยร้องจนไม่รู้จะร้องยังงัยแล้วตอนนั้น ถ้าใครไม่มาเจอเหตุการณ์แบบเจ้ยคงไม่รู้สึกถึงความเจ๊บปวด ที่โดนแฟนตัวเองทำแบบนี้กับตัวเองได้ เจ้ยขออาศัยเพื่อนอยู่ต่ออีกสองสามวันเพื่อจะกลับบ้านที่ต่างจังหวัดเพราะไม่อยากรบกวนเพื่อนไปมากกว่านี้ ทั้งๆที่เจ้ยเองก็ไม่ได้อยากกลับบ้านสักเท่าไหร่เพราะไม่กล้ากลับไปสู้หน้าพ่อแม่ ไม่กล้ากลับไปบอกความจริงพวกแกว่า เจ้ยโดนแฟนทิ้ง ไม่ได้จัดงานแต่งงาน แถมท้องไม่มีพ่ออีก เจ้ยไม่อยากทำให้พวกแกเสียใจ แต่ตอนนั้นเจ้ยเองก็คิดไม่ออกว่าจะไปอาศัยอยู่ที่ไหนดี คิดว่ายังงัยพ่อแม่น่าจะอภัยให้เราในสิ่งที่เราทำผิดผลาดไป (พยายามให้กำลังใจตัวเองสุดๆ)
ตอนที่ 7 กลับมาเพื่ออะไร?ตอน1 พอเจ้ยกลับไปถึงบ้านเจ้ยก็เล่าความจริงให้พ่อแม่ฟังว่า เจ้ยโดนแฟนทิ้งแล้ว เขาคงไม่มาแต่งงานกับเจ้ยแล้ว พ่อแม่แกก็ไม่ด่าว่าอะไรเจ้ยเหมือนเดิม แกบอกว่าก็ยังดีที่ยังไม่ได้แจกการด์แต่งงงานไป หลานคนเดียวพวกแกเลี้ยงได้ ตอนที่ได้ฟังพ่อแม่พูดแบบนั้น เจ้ยนำตาร่วงเลยน่ะ ซึ้งใจพ่อกับแม่มาก ปรกติเจ้ยจะเป็นคนที่กลัวพ่อม๊ากกก และกลัวแก่จะด่าว่าเจ้ยที่เจ้ยท้องและไม่ได้แต่งงาน แต่ครั้งนี้พ่อไม่พูด่าว่าอะไร ทำให้เจ้ยซึ้งใจพ่อและโล่งอกมาก ผ่านด่านพ่อไปได้ ปัญหาอะไรๆคงง่ายขึ้น (คิดในใจ) เจ้ยก็อาศัยอยู่กับพ่อแม่ที่ ตจว ได้ประมาณเดือนกว่า แฟนก็ติดต่อเจ้ยกลับมา มาบอกขอทงขอโทษ อย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้เราเองก็ดีใจที่แฟนติดต่อกลับมา ความโกรธความโมโหก็หายไปหมด ยอมยกโทษให้แฟน คิดว่างานต่งงานแต่งไม่มีก็ได้ว่ะ ขอให้ลูกในท้องมีพ่อก็ยังดี แฟนเจ้ยมันให้เจ้ยทำวีช่าไปเยี่ยมมันที่ฝรั่งเศส สัญยง สัญญาว่าจะดูแลเจ้ยและลูกในท้องอย่างดี เจ้ยเองตอนนั้นก็ยังไม่แน่ใจเป็นห่วงเรื่อง อาหารการกิน กลัวว่าไปที่นู้นกลัวอด ( อาหารไทย หุหุ)ยิ่งคนท้องยิ่งอยากทานอาหารแปลกๆ กลัวที่นู้นไม่มีขาย แต่ก็ตอบตกลงที่จะไปเพราะอยากให้แฟนดูแลเราบ้างตอนท้อง อีกอย่างคนในหมู่บ้านจะได้รู้ว่าแฟนเราไม่ได้ทิ้งเรา เมื่อเจ้ยตอบตกลงที่จะไปทำวีช่าที่ กทม แฟนจึงโอนเงินมาให้ค่าทำวี่ช่าและค่ารร พร้อมค่าตัวเครื่องบิน ตอนนั้นแฟนก็เริ่มพูดดี กับเจ้ย โทรมาหา เล่นเนตเห็นหน้ากัน เหมือนได้กลับมาเป็นแฟนกันอีกครั้ง ตอนนั้นเจ้ย พักที่ รร 7วัน เพื่อ รอฟังผลว่า วีช่าผ่านไม่ผ่าน สรุปว่า วีช่าไม่ผ่านค่ะ คราวนี้ แฟน องค์ลงมากกว่าเดิม ด่าว่าเจ้ยอย่างนั้น อย่างนี้ หาว่าเจ้ยไม่ได้ไปทำวีช่าบ้าง สารพัดที่มันจะเอาเรื่องมาว่าเรา ไอ้เราก็นึกว่า ห่านเอ๊ย ตกลงใครท้องกันแน่ว่ะ อารมณ์แปลปรวนมากกว่า กรู ที่ ตั้งท้องสะอีก นี้ตกลงมึงท้อง หรือ กรูท้องกันเเน่ !
ตอนที่ 8 ความรัก (ไม่เหมือนเดิม) ตอน1 ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แฟนเจ้ยมันก็เปลี่ยนจาก หน้ามือ เป็นหลังทีน อีกครั้ง ติต่อได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่งเงินบ้างไม่ส่งเงินบ้างอีกเหมือนเดิม แฟนบอกว่า จะเป็นฝ่ายมาหาที่เมืองไทยเองเจ้ยเองก็นั่งรอ นอนรอแฟน อยู่สองเดือน แฟนจึ่งได้บินกลับมาเยี่ยมที่ไทย ทีแรกที่ตกลงกันเอาไว้คือ ให้แฟนบินจาก กทม มาลง ที่ บ้านเจ้ย แล้ว ค่อยพากันไปเที่ยวที่อื่น แต่แฟนพอมันมาถึง กทม มันส่งข้อความมาบอกว่า ไม่มาหาเจ้ยที่ อุบลแล้วน่ะ มันจะไปเที่ยวที่ พัทยาแทน ถ้าเจ้ยอยากเจอมันก็ไปหามันที่พัทยาเองแล้วกัน ตอนที่ได้รับ sms แฟนบอกแบบนั้น ปรี๊ดดด มากเลยค่ะ อยากเขวี้ยงโทรศัพย์ทิ้งมากเลย ไอ้ห่ารากนิ สามัญสำนึกมันไม่มีเลยหรือยังงัยว่ะ แทนทีทำกรูท้องแล้ว จะมาขอขมาพ่อแม่เจ้ย (ฝรั่งคงไม่รู้จักการขอขมาหรอกเนาะ หุหุ) เราแค่คิดว่าทำไมไม่มาพูดจากับพ่อแม่เรา มาขอโทษท่าน เรื่องแต่งงานเอาไว้ทีหลังก็ได้ ท่านคงจะเข้าใจ แต่นี้ ไม่อยากรับผิชอบอะไรสักอย่าง ไม่อยากสู้หน้าพ่อแม่เจ้ย เจ้ยโมโหมันมากเลยน่ะ ใจหนึ่งทั้งรักทั้งแค้น กรูจะไปดีหรือเปล่าว่ะ จะเลิกให้มันรู้แล้วรู้รอดเลยดีหรือเปล่าว่ะ ลูกคนเดียวเราก็เลี้ยงรอดนี้หว่า ขนาเลี้ยงพ่อแม่พี่น้อง มาตั้งนาน ยังรอด กะอีแค่ลูกคนเดียวทำไมจะเลี้ยงไม่รอดว่ะ ตอนนั้นสับสน เสียใจ โมโห มากก สงสารลูกในท้องและสงสารตัวเจ้ยมากที่มาเจอไอ้ห่ารากตัวนี้ แต่ในที่สุดก็ตัสินใจไปหาแฟนที่ พัทยา คิดว่า ถ้าอยู่กับมัน ตอนมันกลับ มันคงทิ้งเงินเอาไว้ให้ใช้สักหน่อย เพราะตอนนี้เงินเจ้ยเองก็จะหมดแล้ว อีกอย่างอยากใช้เวลาอยู่ด้วยกันครั้งสุดท้าย ระหว่าง พ่อ แม่ ลูก ถ้าเลิกกันจริงๆยังจะมีรูปถ่ายเก็บเอาไว้ให้ลูกดู
ตอนที่ 8 ความรัก (ไม่เหมือนเดิม) ตอน2 เจ้ยนั้งเครื่องไปถึง กทม แล้ว นั่งแท๊กชี่ไป พัทยา (ไปเก็บเงินกับมันทีหลัง) พอไปถึง รร ตอนประมาณสองทุ่ม สามทุ่ม แฟนก็ไม่อยู่ห้อง เราขอให้พนักงานช่วยไปเปิดห้องของแฟนให้เราหน่อย แต่พนักงานมันไม่ยอม มันคงคิดว่าเราจะขึ้นไปหาแขกมั๊ง ตอนนั้นท้องก็โตแล้วน่ะค่ะสามเดือนกว่าๆแล้ว พนักงานมันก็รู้ว่าเราท้อง แต่สงสัยมันคงคิดว่าลูกค้าอยากลองของแปลก ก็พยายามโทรติต่อกับแฟนอยู่ตั้งนาน กว่าจะติดต่อได้ มันบอกว่าไปหาทานข้าวมา ไม่ได้ยินเสียงโทรศัพย์ แล้วก็พากันขึ้นห้อง ขอบอกว่าของขงของขวัญ ช๊อคโกลงโกแล๊ต ไม่มีติดไม้ติดมือมาฝากเจ้ยเลยยยย ตอนเป็นแฟนกันน่ะ นำหอม ขนม กระเป๋าเอ๊ย สารพัด ที่มันจะเอามาฝาก ทำไมตอนนี้ ต่างกันจังเลยอ่ะ ฟ้ากับ เหว ม๊ากกก ช่วงที่อยู่ด้วยกัน เรียกว่า นรกแตกก็ว่าคะ ทะเลาะกันทุกวัน ทั้งๆที่เราท้อง และก็ตั้งท้องลูกของมันด้วย แทนที่จะเอาใจเรา รักเรา จับแขนจูงมือ เหมือน แฟนกัน แทบจะไม่มีเลย บ้างครั้งเจ้ยเองก็นำตาร่วงเวลาเห็น สามีภรรยา ดูแลเมียที่ท้อง หรือ เห็น พ่อแม่ลูก ตัวเล็กๆอยู่ด้วยกัน มีความสุขและ อบอุ่น แต่ทำไมคู่ของเราไม่ได้เป็นอย่างนั้นบ้าง ยิ่งตอนซ้อนมอเตอร์ไชด์แฟน มัน ชอบพาขับไปตกหลุมตกบ่อบ้าง คิดในใจนี้มึงตั้งใจจะทำให้กูแท้งใช่หรือเปล่าว่ะ มีครั้งที่มันขับมอเตอร์ช์แล้วไปตกหลุม หรืออะไรนี้แหล่ะ เราปวดท้องมาก เราเลยบอกว่า ให้พาเราไปหาหมอที่ โรงพยาบาลด้วย มันไม่ยอมพาไป เจ้ยโมโหมากด่ามันทั้งนำตาว่า นี้ลูกมึงน่ะ มึงไม่ได้เป็นห่วงลูกมึงเลยเหรอ ขอบอกตามตรงว่า ตอนที่อยู่ด้วยกัน สามัญสำนึกความเป็นพ่อมันไม่มีเลยสำหรับแฟนเจ้ย มีครั้งที่ทะเลาะกัน แล้วเจ้ยไปขวางประตูเอาไว้ เพื่อที่จะไม่ให้แฟนออกไปข้างนอกเพราะยังคุยกันไม่เสร็จ แฟนเจ้ยมันจับแขนเจ้ยเหวียงจนล้มลง ตอนนั้นท้องได้4เดือนแล้วค่ะ ดีที่ล้มลงที่นอน แต่ก็จุกมากเลยตอนนั้น เสียใจมากจนอยากจะกระโดดตึกตายให้มันรู้แล้วรู้รอดเลย ไหนมันจะพยายามมีเพศสัมพันธ์กันทาง (ตู๊ดๆ) เจ๊ยเองก็ไม่ยอมเพราะไม่เคย มันก็โมโหเจ๊ย แฟนเจ้ยมันชอบเช๊กมากขนาดท้อง4เดือนมันยังทำวันเว้นวันเลยน่ะค่ะ (สงสัยมันคงเเอบออกไปดื่มช้างกระทืบโลงมา) แฟนเจ๊ยบอกว่า ฮอลิเดย์ครั้งนี้เป็นอะไรที่ bad bad มากก เจ๊ยเองก็รู้ชะตากรรมของเจ๊ยกับลูกแล้วหล่ะว่า ยังงัยพอแฟนกลับบ้านเกิดเขา เขาต้องทิ้งเจ้ยกับลูกแน่ๆ เจ้ยเองก็ทำใจเอาไว้แล้วตอนนั้น แต่ก็พยายามอยู่กับแฟนให้ได้นานที่สุด พยายามทำความดีกับแฟนให้มากที่สุด อย่าง น้อยก็เพื่อลูกในท้องจะได้ใช้เวลาได้อยู่กับพ่อถึงแม้ยังไม่เกิแต่ก็คงจะรับรู้ถึงความรู้สึกได้
ตอนที่ 8 ความรัก (ไม่เหมือนเดิม) ตอน2 ต่อจากความเดิม เจ้ยพยายามเอามือแฟนมาลูบท้องเจ้ย แต่แฟนก็ไม่ค่อยยอมค่ะนานๆถึงลูบที น้อยใจมากน่ะ ทำเหมือนกับลูกในท้องไม่ใช่ลูกของเขาเลย ในที่สุดเราก็อยู่กันจนครบวันที่แฟนจะบินกลับ เจ้ยก็มาส่งแฟนขึ้นเครื่องที่ กทม แล้วเจ้ยก็จะขึ้นเครื่องกลับที่ ตจว เหมือนกัน ตอนที่จูบลากันเจ๊ยก็นึกในใจเอามือแฟนมาจับท้องเจ๊ยแล้วก็บอกว่า ลาพ่อสะลูกหนูคงไม่ได้มีโอกาศที่จะได้เจอพ่ออีกแล้ว ตอนนั้นเจ้ยนำตาไหลน่ะสงสารลูกที่จะไม่เห็นหน้าพ่อ เพราะเจ้ยคิดเอาไว้แล้วงัยว่า ยังงัยแฟนก็คงจะทิ้งเจ้ยและลูกแน่ๆ เพราะตลอดเวลาช่วงที่เราอยู่ด้วยกัน เจ้ยเองก็พอจะดูออกว่าแฟนเปลี่ยนไปมากขนาไหน แฟนก็สัญญาว่าจะติต่อกลับมาหา (กูไม่เชื่อมึงหรอก) เจ้ยก็บอกแฟนไปว่า ดูแลตัวเองด้วย รักน่ะ (ครั้งสุดท้าย)
ตอนที่ 9 มรสุมชีวิต (ลูกเเรก )ตอนที่1 พอแฟนกลับได้ประมาณวันสองวัน ก็มี sms จากโทรศัพย์แฟน แสดงตัวเป็นพี่สาวแล้วบอกว่า แฟนเจ้ย ประสบอุบัติเหตุ อาการสาหัสมากเข้าห้อง ไอชียู ไม่ได้สติ เจ๊ยก็เอาแล้วงัย จะทิ้งกันจำเป็นต้องโกหกมากขนานี้เลยเหรอ อีกใจก็ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เป็นห่วงด้วย ถ้าเป็นเรื่องจริง ก็คิดว่าถ้าโกหกจะยอม แช่งตัวเองขนานั้นเลยเหรอ เจ้ยก็ตอบไปว่า ก็ช่วยดูแลแฟนแทนฉันกับลูกด้วยน่ะ บอกเขาด้วยว่า ฉันกับลูก รักเขา ขอให้เขาปลอดภัย นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเจ้ยก็ขาดการติดต่อกับแฟน ได้รับเฉพาะ sms จากพี่สาว (มัน) ชึ่งก็เป็นโทรศัพย์ของมันนั้นแหล่ะที่ส่งมา ได้รับ sms แจ้งอาการของแฟน อาทิตย์ละฉบับ หรือ สิบวัน ต่อ ฉบับ เจ้ยเองก็ยอมรับน่ะว่า ห้าสิบห้าสิบ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อีกใจหนึ่งก็โครตเป็นห่วงแฟน อีกใจหนึ่งก็ คิว่า มันโกหกเราแน่ๆ ตอนนั้นก็บอกพ่อแม่และญาติพี่น้องว่าแฟนเราเขาเกิดอุบัติเหตุหลังจากที่กลับจากเมืองไทย สาเหตุที่บอกพ่อแม่เพราะหลังจากกลับมาจาก พัทยา เจ้ยก็เล่าให้พ่อแม่ฟังว่า เจ้ยกับแฟนกลับมาคืนดีกันแล้ว ท่านก็ดีใจด้วยกับเจ้ย ถึงแม้จะไม่ได้แต่งงานแต่ขอให้ลูกสาวท้องมีสามีรับผิดชอบ และหลานจะได้มีพ่อ พวกท่านก็โอเคแล้ว ช่วงนั้นเจ้ยก็ทั้งเครียดเรื่องเงิน ไหนจะต้องจ่ายค่า รถเก๋ง เดือนละ หมื่น ค่าอยู่ค่ากิน แฟนก็เข้าไอชียู พี่สาวมันก็ไม่มีนำใจจะช่วย เลยต้องหันหน้าไปพึ่ง หมอดูบ้าง พระบ้าง หมอดูก็บอกว่าแฟนเราเกิดอุบัตอเหตุจริงแต่ไม่ร้ายแรง และบอกว่า แฟนเรามีแฟนใฟม่ที่ ฝรั่งเศส คราวนี้เครียหนักกว่าเดิมอีก แม่ก็พาไปหาพระไปให้ท่าดูว่าสามีเป็นอย่างไรบ้าง จะเป็นอย่างที่ หมอดู บอก มาหรือเปล่า พระก็ดูให้ แล้วถามเราว่า อยากได้แฟนกลับคืนมาหรือเปล่า ถ้าอยากได้คืน ให้ นำ เสื้อผ้า ของใช้ ของแฟน เอามาให้ท่าน ทำพิธีให้ เจ้ยได้ฟังอย่างนั้นเลยตอบท่านไปว่า เจ้ยไม่ทำเจ้าค่ะ ถ้ามันรักเจ้ยและลูกจริง ขอให้มันกลับมาด้วยตัวของมันเอง
ตอนที่ 10 มรสุมชีวิต (ลูกเเรก )ตอนที่2 ช่วงนั้นยอมรับว่าทุกข์ใจมากเลยน่ะค่ะ เครียด ม๊ากกก เงินก็ ไม่มี มีแต่ไม่เยอะ ต้องประหยัดใช้สุดๆ วันละร้อย เพราะเจ้ยไม่ได้ขอพ่อแม่ หรือ ญาติพี่น้อง เพราะเกรงใจ พวกท่าน แค่ ท่านไม่ตำหนิเจ้ย ที่ทำให้พวกท่านขายหน้า เจ้ยก็ ซาบซึ้งนำใจพอแล้ว เจ้ยต้องไปหาของมาขาย เป็นพวกขนมแห้ง หา ฉลากมาขายให้เด็กนักเรียน เพราะบ้านเจ้ย อยู่ติด กับ โรงเรียน รายได้ก็พออยู่ได้ค่ะ พอค่ากิน ค่าไปหาหมอ แต่ค่ารถนี้สิ หนักมาก เดือนละหมื่น ที่เจ้ยไม่ยอมขายรถเพราะ ว่ายังผ่อนไม่หมด และ ไม่รู้จะขายยังงัย ไม่มีคนแนะนำเจ้ยเลย ตอนนั้นก็ท้องได้ ห้าเดือนกว่าแล้ว เจ้ยต้องสวดมนต์ไหวพระทุกวันเพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น เจ้ยเป็น โรคประสาท กินแน่ๆเลย พยายามทำใจให้สบายเพราะลูกจะได้ไม่ได้รับผลกระทบไปด้วย สวดมนต์ขอพรพระให้เจ้ยผ่านพ้นเคราะห์กรรม ในเร็ววัน ขอให้ลูกเจ้ยเป็นเด็กดี ขอให้หมดเวรหมดกรรมกับแฟน เจ้ยอโหสิกรรมให้แฟน บอกลูกให้อโหสิกรรมให้พ่อ เพราะชาติก่อนเราคงเคยทำบาปกับเขาเอาไว้ ทุกท่านอาจคิดว่าอะไรๆคงดีขึ้นใช่ไหมค่ะ แต่เปล่าเลย กลับหนักขึ้นกว่าเดิมอีก เพราะตอนนี้เจ้ยเริ่มจะมีปัญหากับครอบครัวเข้ามาแทน
ตอนที่ 11 มรสุมชีวิต (ลูกที่สอง) เจ้ยเริ่มโดนทางบ้านกดดันเองทีนี้ ปรกติที่บ้านนอก ตอน เดือน เมษา และ พฤษาคม จะร้อนใช่ป่ะค่ะ บ้านเจ้ยมันหันหน้าใส่ดวงอาทิตย์เลย ต้นไม้ก็ไม่มีหลบแดด แล้วเจ้ยก็ท้องโตมากแล้วมันเลยร้อนม๊าก อึดอัด ต้องไปขออาศัยรมไม้ บ้านป้าข้างๆบ้านอยู่แทน แล้วป้าคนนี้ก็ไม่ถูกกันกับแม่ แม่เองก็มาเริ่มด่าว่าเจ้ย ไปอาศัยบ้านคนอื่นอยู่ ด่าว่าอีหลายๆอย่าง ทำให้เจ้ยเครียดหนักกว่าเดิมอีก คิดว่าอะไรว่ะ เราไปทำอะไรให้แม่กันนักหนา แม่เองก็เอาเรื่องเจ้ยไปเล่าให้พี่ๆฟัง พี่สาวเจ้ยคนนี้รวยมากเลยน่ะ แต่ไม่เคยยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรเจ้ยเลย ไม่ว่าตั้งแต่ตอนที่เจ้ยอยากเรียน ปริญญาตรี หรือ แม้กระทั้งตอนท้อง พีแกก็โทรมาบ้านมาด่าว่าเจ้ย ว่าไม่เคยทำอะไรให้แม่ สบายใจเลย เจ้ยก็เลยน้อยใจและโมโห ว่า กะอีแค่เราผิดพลาดแค่เราท้องไม่มีพ่อ ใครอยากจะให้มันเกิดขึ้นว่ะ ทำไมไม่เข้าใจกันบ้างไม่เห็นใจให้กำลังใจกันบ้าง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเจ้ยกับแม่ก็แทบจะไม่มองหน้ากัน กินข้าวก็ไม่เรียกเจ้ยกิน เจ้ยก็ต้องหากินคนเดียว อยู่คนเดียวกับลูก เหมือนไม่มีตัวตน สงสารทั้งตัวเองและลูก และก็หมาอีกสองตัว ก็ได้แต่ลูบท้องปลอบลูกว่า แม่ไม่เป็นไร ลูกยังมีแม่น่ะ พ่อเองก็กลับมาจากกรุงเทพ มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ระหว่างเจ้ยกับแม่ แกก็ไม่สบายใจ(พ่อขับแท๊กชี่ที่ กทม ค่ะ) แกสงสารเจ้ยมาก ที่โดนแม่และพี่ๆรังแกเจ้ยแกบอกแม่และพี่ๆว่า แต่ก่อนก็เป็นเจ้ยน่ะที่ดูแลครอบครัว แล้วพอลูกและน้องตกระกำลำบากทำไมต้องทำแบบนี้กับลูกกับน้องด้วย วันนั้นแกเมาแล้วแกก็นั่งคุยกับเจ้ย แกบอกว่าแกรู้แกเห็นทุกอย่างที่แม่และพี่ทำกับเจ้ย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ แกช่วยลูกไม่ได้ แกพูดไปร้องไห้ไป เจ้ยเองก็ร้องไห้บอกพ่อว่า ไม่เป็ฯไรพ่อ หนูแค่มาขออาศัยอยู่จนกว่าหนูจะคลอด หนูและลูกจะไม่อยู่ให้เป็นภาระของใครหรอก หนูคลอดแล้วหนูจะกลับไปหาเงินมาช่วยพ่อกับแม่เหมือนเดิม แต่ตอนนี้หนูทำอะไรไม่ได้จริงๆช่วยบอกแม่และพี่ๆให้ช่วยเห็นใจหนูหน่อย
ตอนที่ 12 ที่อยู่ใหม่ นึกว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแต่ก็เปล่า อีกเหมือนเดิม แม่ก็ยังเป็นเหมือนเดิม ด่าว่าเจ้ยที่ไปอาศัยร่มไม้ป้าแก บอกว่าทำไมไม่ย้ายบ้านไปอยู่กับมันเลย บ้านตัวเองก็หลังใหญ่ อยากได้ตรงไหนก็มารื้อมาถอนเอา เจ้ยเสียใจร้องไห้หนักมากตอนนั้น พวกป้าๆเพื่อนบ้านก็พากันสงสารเจ้ย เจ้ยเลยบอกพวกแกว่าเจ้ยไม่ไหวแล้ว เจ้ยไม่ทนอีกต่อไปแล้ว เจ้ยกับลูกขอไปตายเอาดาบหน้าก็แล้วกัน เจ้ยเลยขอลาพวกป้าๆบ้านข้างๆที่เจ้ยอาศัยร่มไม้อยู่ บอกพวกแกว่า ถ้าเจ้ยไม่ตายสะก่อน สักวันเราคงจะได้พบกันอีก พวกแกร้องไห้สงสารเจ้ยมากพากันอวยพรขอให้เจ้ยและลูกปลอดภัย เจ้ยขนข้าวของขึ้นรถ ทีวี เสื้อผ้าและ พาหมาอีกสองตัวไปด้วย เพราะไม่ว่าจะตกตำหรือ รำรวยยังงัย เจ้ยก็จะไม่มีวันทิ้งหมาเจ้ยหรอก ลำบากก็ลำบากด้วยกัน เจ้ย เองก็ขับรถไปเรื่อยๆยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะไปพักที่ไหนดีเหมือนมีอะไรให้มา คิดได้ว่าเราเองก็เคยส่งของไปบริจาคที่ บ้านเด็กำพร้าที่ยโสธร ถ้าเราลองไปขอความช่วยเหลือในด้านที่พักเขาอาจจะสงสารแล้วช่วยเรา พอคิดได้อย่างนั้นเจ้ยเลยขับรถไป สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า มูลนิธิสุภาสินี น้อยอินทร์ เจ้ยเลยไปขออาศัยบ้านเด็กกำพร้าที่ ยโสธรอยู่ เจ้ยได้เจอกับ ซิสเตอร์(คนดูแลศูนย์) ทีแรกแกก็ไม่อยากรับเจ้ยเข้าอยู่หรอกค่ะ เพราะเหมือนกับเราเองก็ไม่มีหัวนอนปรายเท้า หรือ ประวัตินั้นแหล่ะค่ะ อีกอย่าง คนขับรถเก๋งมาขออาศัย ศูนย์เด็กกำพร้าอยู่มันจะเป็นไปได้เหรอ แต่แม่ติ๋วแกได้รับทราบเรื่องเจ้ย ท่านเลยตกลงให้เจ้ยอยู่อาศัยเพราะเห็นแก่ลูกเจ้ยค่ะ ต้องกราบขอบพระคุณ แม่ติ๋ว ที่ช่วยหนูในครั้งนั้นด้วยน่ะค่ะ เจ้ยเองก็อาศัยอยู่ในศูนย์ได้เดือนกว่า การเป็นอยู่ก็ดีค่ะ ได้ทานอาหารดีๆ พวกแม่ๆที่เป็นพนักงานอยู่ที่นั้นก็ดีกับเจ้ยมาก มาถามว่าอยากกินอะไรหรือเปล่า เจ้ยก็ไม่กล้าบอกเพราะเกรงใจ ก็กินเท่าที่ทางศูนย์มี เหมือนเด็กๆทุกคน บางครั้งก็อยากกิน ชาเย็น น่ะ แต่ก็ไม่กล้ารบกวนฝากชื้อบ่อย นานนนนนๆถึงได้กินทีขอบอกว่า ดีใจมากกก ปรกติทางศูนย์จะไม่มีเครื่องทำนำเย็นให้เด็กดื่ม และไม่มีทีวี หรือมีแต่ก็ต้องรวมกันดู แล้วห้องเจ้ยมันอยู่ด้สนนอกศูนย์น่ะค่ะ ในห้องไม่มีอะไรเลย ก็ได้แต่อ่านหนังสือธรรมะเพื่อให้จิตใจสงบ เจ้ยเองก็อาศัยอยู่ที่ศูนย์ได้ เดือน กว่าๆ ก็ต้องลา เพราะมาคิดดูอีกทีว่า ถ้าเราคลอด เราจะเอาลูกไปด้วยอย่างไร เพราะเจ้ยกะว่าจะกลับไปหางานทำที่ภูเก็ตเหมือนเดิม หลังคลอด ถ้าคลอดแล้วคงลำบากมากไหนจะลูก ไหนจะหมาอีก สองตัว คงขับรถด้วยดูแล ลูก และ หมา ไม่ไหวแน่ เจ้ยจึงกราบลาแม่ติ๋ว แม่ติ๋วเองท่านก็ห้ามเอาไว้ ไม่ยอมให้เจ้ยเดินทางเพราะท่านเป็นห่วงเจ้ยกับลูกในท้อง ตอนนั้นท้องใหญ่ม๊ากกก เจ็ดเดือนกว่าแล้วค่ะ อีกอย่างช่วงนั้นเป็นช่วงที่ เสื้อแดง นัดกันเผาศาลากลางจังหวัดทั่วประเทศด้วยอ่ะ หุหุ แต่เจ้ยก็อธิบายเหตุผลให้ท่านฟัง ท่านจึงยอมให้เจ้ยเดินทาง จากยโสธร ไปภูเก็ต
ตอนที่ 13 ที่อยู่ใหม่ ตอน2 เจ้ยเดินทาง จากยโสธร ไปภูเก็ต ขอบอกว่าครั้งแรกในชีวิตที่ขับรถไกลขนาดนั้น ภูเก็ตอยู่ไหนก็ยังไม่รู้ ต้องชื้อแผนทีค่อยๆขับไปเอา ขับสองวันกว่าจะถึง ภวนาตลอดว่าขอให้ได้เจอเพือนที่ภูเก็ต อย่าให้เขาย้ายบ้านไปไหนเลย เพราะเพื่อนคนนี้เจ้ยจะไปขออาศัยอยู่ด้วยตอนทำงานที่ภูเก๊ตเจ้ยสนิทกันมากกับพี่คนนี้ และป้าคนที่เคยอยู่ร่วมห้องกันสมัยเมื่อยังทำงานอยู่ เจ้ยไม่มีเบอร์โทรเพราะเขาเปลียนเบอร์ เลยได้แต่ภาวนาว่าขอให้ได้เจอเพื่อน ขอให้เดินทางโดยปลอดภัย อย่าให้ลูกในท้องเป็นออะไร ลูบท้องบอกลูกตลอดว่า อดทนน่ะลูก ในที่สุดเจ้ยก็ขับรถถึง ภูเก็ตอย่างปลอดภัย และได้เจอเพื่อน เพื่อนยินดีให้เจ้ยอาศัยอยู่ด้วย ต้องขอขอบคุณ พี่ แอน และ พี่เฟี๊ยต ดีเจ ที่ร๊อคซี่ มาก ที่ช่วยเหลือเจ้ยในตอนนั้น ในขณะที่เจ้ยอาศัยอยู่บ้านเพื่อน เจ้ย ก็ช่วยทำงานบ้านทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ เงินเจ้ยก็ยังประหยัดใช้ ก็คงใช้วันละ100 เหมือนเดิม เรื่องราวที่เจ้ยผ่านมาทั้งหลายคิดว่าหนักแล้ว แต่ ต้องมาเช็ดขี้เข็ดเหยี่ยวให้หมา 4 ตัว หมาเจ้ย2 หมาเพื่อน2 นี้ถือว่าหนักสุุดสำหรับเจ้ยน่ะ เพราะคนท้องเนอะ ได้กลิ่นขี้หมาก็จะอ๊วกแล้ว แล้วหมาเพื่อนมันขี้เยี่ยวไม่เป็นทีเป็นทาง โอ๊ยจะเป็นลม ที่น่าสงสารตัวเองที่สุดเห็นจะเป็นเป่าเค้กวันเกิดตัวเองสองคนกับลูกในท้อง เค้กก็ชื้อก้อนละ39 บาทในเชเว่นนั้นแหล่ะค่ะ ก็อธิฐานกันอยู่สองคนแม่ลูก อธิฐานไปร้องไห้ไป เดินกลับมาที่ห้องก็ยกโทรศัพย์มาเพื่อที่จะเช็คดูว่ามีใครจำวันเกิดตรูได้บ้างว่ะ พอเห็นข้อความจากเบอร์โทรหนึ่งเจ้ยก็ใจสั่นตัวหวิวๆเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่าตาฝาดไปหรือเปล่า เพราะมันเป็นข้อความจากแฟนเจ้ยเองที่ส่งข้อความมาง้อขอคืนดี บอกว่าเพิ่งออกจาก โรงพยาบาลคิดถึงเจ้ยกับลูกมาก ไอ้เราก็ใจลึกๆก็ดีใจแต่ความแค้นและเสียใจมีมากกว่า เพราะเคยคิดเอาไว้แล้วว่า จะไม่เอาผู้ชาย เห้ๆคนนี้มาเป็นผัวและพ่อของลูกแน่ๆ อีกอย่างเจ้ยเคยส่งข้อความไปบอกเขาแล้วว่า เลิกโกหกหลอกลวงกันสักที ลูกคนเดียวเจ้ยเลี้ยงได้ เจ้ยจะบอกลูกเองว่าพ่อเขาตายตั้งแต่ลูกอยู่ในท้อง
ตอนที่ 14 บทสรุปความรักภาคเเรก ตอนที่1 แฟนก็พยายามส่งข้อความมาง้อขอคืนดี สาระพงระพัด หาข้ออ้างมาบอกว่า ลูกต้องมีพ่อน่ะ และอะไรอีกหลายอย่างที่มันสรรหามาพูดเพื่อที่จะทำให้เจ้ยใจอ่อน เจ้ยเองก็คิดเป็นห่วงลูกมากกว่า กลัวว่าลูกจะมีปมด้อยหรือเปล่าถ้าไม่มีชื่อพ่อในใบเกิด แฟนก็บอกว่าจะมาหาเจ้ยจะมาอยู่เป็นเพื่อนเจ้ยตอนคลอด ชึ่งแฟนก็มาจริงๆ มาก่อนคลอดอาทิตย์หนึ่ง ตอนที่เห็นหน้ากันครั้งแรก ในระยะที่ไม่ได้เจอกันมาห้าเดือน เจ้ยไม่ได้ดีใจเลยน่ะ เฉยๆเหมือนใจเราด้านชาไปหมดแล้ว แฟนเองกลับเป็นฝ่ายที่ดีใจมากอดมาหอมมาเอาใจ เจ้ยก็ลองใจแฟนสาระพัดน่ะ ด่าว่า ทำหลายอย่าง ใช้ให้ทำนู้น นั่น นี่ ว่าเขาจะเปลี่ยนตัวเองได้จริงๆหรือเปล่า จะสามารถเป็นสามี และ พ่อที่ดีของลูกได้ไหม ซึ่งแฟนก็สามารถทำได้ดี ยิ่งตอนคลอดเขาเองช่วยเจ้ยดูแลลูกแทนเจ้ยในช่วงที่เจ้ยเจ๊บแผลอยู่ รวมทั้งดูแลเจ้ย อาบนำให้ เปลียนกระถางฉี่ให้ ทำให้ในหลายๆอย่าง ผ่าคลอดน่ะค่ะเลยเจ็บม๊ากก ซึ่งในตอนนั้นถ้าไม่มีเขาอยู่ด้วยเจ้ยเองก็คงลำบากเหมือนกัน เพราะไม่มีญาติพี่น้องมาคอยดูแล มีแต่เพื่อน แต่เพื่อนก็คงดูแลเราทั้งวันไม่ได้เพราะต้องทำงาน เจ้ยก็เลยใจออ่นลงมาอีกนิดหน่อย ยอมให้อภัยแฟนเพราะยังงัยเขาก็เป็นพ่อของลูก เราจะเคยเจ๊บมามากแค่ไหนกับการกระทำของเขาเมื่อก่อนแต่ก็ไม่เป็นไร(ถ้าเจ้ยไม่ท้องกับมันไม่ยอมกลับคืนไปหามันจริงๆน่ะ ) แฟนเจ้ยก็อยู่ดูแลเจ้ยกับลูกอยู่เดือนพิมพ์เรื่องเองกว่าก็กลับฝรั่งเศส เขาก็ส่งเงินมาให้เป็นค่าใช้จ่ายลูกและเจ้ยทุกเดือน เจ้ยเลยพูดกับเขาเรื่องแต่งงาน เพราะตัวเองจะได้กลับบ้าน พาลูก กลับไปเรียกศักดิ์ศรีคืน ว่า ลูกเรามีพ่อ ขอแค่นั้นเอง และอยากกู้หน้า พ่อแม่คืน ซึ่งแฟนก็ตกลง จากที่เราไม่เคยโทรกลับบ้านเลย ก็เลยโทรไปหาพี่สาวก่อนว่า คลอดแล้ว และจะพาแฟนไปแต่งงานที่บ้าน โดยไม่บอกว่าสินสอดเท่าไหร่ เพื่อที่จะลองใจคนทางบ้านเหมือนกัน พี่ก็รับปากจะเป็นคนจัดการให้ เจ้ยเองก็โทรหาพ่อ บอกพ่อว่าจะแต่งงาน ให้หาวันมา ว่าวันไหนดี พ่อก็รับปาก แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีใครโทรหาเจ้ยเลย จนมันจะถึงกำหนดที่แฟนจะมาเยี่ยมเจ้ยและลูกแล้วและเราจะทำวีช่าไปแต่งงานที่ฝรั่งเศสพร้อมแฟน
ตอนที่ 14 บทสรุปความรักภาคเเรก ตอน2 เลยโทรหาพี่สาว ว่าตกลง จะได้แต่งไหมเนี่ย พี่ ก็เลยสารภาพว่า ก็รู้ๆกันอยู่ว่าพี่น้องแต่ละคนไม่ถูกกัน อีกอย่างบ้านก็รก พี่ให้เหตุผลมาแบบนี้ยอมรับว่าเจ้ยปรี๊ดมากเลยน่ะ เหตุผลเพราะบ้านรก นี้ รับไม่ได้อย่างแร๊ง ก็ถามไปว่าแล้วทำไมไม่ช่วยกันเก็บกวดหล่ะ ตอนนั้นเจ้ยโมโหจริงๆน่ะคิดว่าสรุปว่าไม่มีใครยอมทำอะไรให้เจ้ยจริงๆเลยใช่ไหมนิ งานตง งานแต่ไม่จัดที่บ้านก็ได้ว่ะ แต่ผู้หญิงเราเนอะเกิดมาชาติหนึ่งก็อยากมีงานแต่งกับเขาบ้าง ก็ เลยปรึกษาเพื่อนที่อยู่ กทม ว่ามีกี่คนจะจัดงานแต่งแบบเล็กๆดีไหม ปรึกษาพ่อบุญธรรมคนที่เจ้ยเคยเล่าให้ฟังว่าแกเคยรับเจ้ยเขาทำงานที่โรงแรมชา ลีน่า อ่ะ พ่อบุณธรรมบอกอยากจัดงานเดี๋ยวแกจัดการให้ แกหาห้องจัดงานให้ ลดราคาค่าห้องและก็ทุกอย่างให้แบบสุดๆ แกก็เป็นคนหาฤกษ หาวันดีให้ นิมนตร์พระให้ ยอมเป็นญาติทางฝั่งเจ้าสาว และก็ป้าคนที่อยู่ภูเก็ตมาเป็นญาติฝั่งเจ้าสาวให้ ส่วนฝั่งเจ้าบ่าว ก็เหมือนกันเอาคนที่เรานับถือมาเป็นให้ แต่ละคนขอบอกว่าดีกับเจ้ยมาก ชึ้งใจจริงๆ เจ้ยไม่เชิญพ่อ แม่ พี่น้องตัวเองมางานแต่งเลยน่ะ ในเมื่อไม่ได้มาด้วยความยินดีจริงๆ สู้อย่ามาเลยยังจะดีกว่า ในที่สุดเจ้ยก็ได้แต่งงาน อย่างที่เคยหวังเอาไว้ตั้งแต่เป็นเด็กว่าชาตินี้ขอให้ได้แต่งงานเหมือนคนอื่นเขาบ้างเถอะ เพราะตอนเด็ก ขี้เหร่งัย คิดว่าคงไม่น่าจะขายออก หุหุ แต่งานแต่งครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต กลับไม่มีพ่อแม่พี่น้องตัวเองอยู่เคียงข้าง มันก็มีความเสียใจและความทรงจำที่เจ๊บปวดอยู่ลึกๆ เจ้ยไม่รู้ว่าวันข้างหน้าหลังจากแต่งงานแล้ว ชีวิตเจ้ยและครอบครัวใหม่เจ้ยจะดำเนินไปแบบไหนแต่เจ้ยได้เลือกแล้วที่จะสร้างครอบครัวกับผู้ชายคนนี้ คนเราก็ มีดีบ้างเลวบ้างทุกข์บ้าง สุข บ้าง เจ้ยก็คงปล่อยให้ชีวิตนำเนินไปตามชะตากรรม และจังหวะของชีวิต ณ วันนี้เจ้ยมีความสุข ที่ ได้อยู่พร้อมหน้า กัน พ่อ แม่ ลูก มีครอบครัวเป็นของตัวเองที่เคยฝันเอาไว้ เจ้ยขอขอบคุณ แฟนคลับทุกท่านที่เข้ามาเป็นกำลังใจให้เจ้ย ที่ยอมเปิดพื้นที่ให้เจ้ยได้ระบาย ความอึดอั้นตันใจ และเจ้ยหวังว่า ชีวิตของเจ้ยพอที่จะมีปะโยชน์หรือข้อคิดให้เพื่อนๆได้บ้างน่ะค่ะ ขอขอบคุณมากจริงๆค่ะ
นั้นคือบทสรุปความรักที่เจ้ยเคยเขียนลงเว๊บไชด์เลดีอินเตอเมื่อสี่ห้าปีที่เเล้วก่อนที่เจ้ยจะย้ายมาอนู่กับสามีที่ต่างประเทศ บทสรุปความรักความรักในครั้งนั้นดูเหมือนจะดูดีเเต่ใครจะรู้บ้างว่า นรกในต่างเเดนเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ใครที่คิดว่าเจ้ยได้เจอปันหาที่หนักที่สุดในประเทศไทยเเล้ว ในต่างประเทศเจ้ยเจอหนักกว่านั้นอีกค่ะ เเต่เรื่องราวทั้งหมดเจ้ยยังไม่ได้เริ่มต้นเขียนขอเวลาเจ้ยอีกสักหน่อยน่ะค่ะเเล้สเจ้ยจะมาเขียนเล่าให้เพื่อนๆฟังว่าเจ้ยต้องผ่านอะไรมาบ้างในช่วงที่อยู่ต่างเเดน
ตอน ที่ 15 ก้าวเเรกในต่างเดน หลังจากที่เจยได้ย้ายมาอยุ่กับสามีที่ต่างประเทศตัวเจ้ยเองก็พยายามปรับตัว ให้เข้ากับสภาพเเวดล้อมความเป็นอยุ่ในประเทศฝรั่งเศส เรื่องของสภาพอากาศ เเละปรับตัวให้ชินกับเวลาที่ต่างกัน มาถึงวันเเรกเจ้ยลุกมากินข้าวตอนตีสีเวลาของประเทศฝรั่งเสสส่วนที่ไทยก็คง ประมาณสามหรือสี่โมงเช้า ช่วงเเรกๆอะไรก้ดีหมด อากาศหนาวเเต่ไม่หนาวมาก อาหารการกินก็ไม่ได้แย่อย่างที่เจ้ยเคยจินตนาการเอาไว้ (คิดว่าต่างประเทสจะไม่มีอาหาร เครื่องปรุงไทย ขาย) เขตเมืองที่เจ้ยอาศัยอยู่สามารถชื้อหา อุประกรณ์ ในครัวรวมถึง อาหารเครื่องปรุง ไทยในร้านขายของสำหรับพวกเราชาวเอเชีย ตอนเเรกก้ไม่รู้เเหล่งเเต่พออยู่นานๆไปเริ่มรู้เเล้วว่าร้านไหนขายถูกขาย เเพง เพื่อนๆคนไหนที่คิดจะย้ายมาอยู่ที่ต่างประเทศ หรือมาท่องเทียว ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีร้านอาหารไทยขายน่ะค่ะ ไม่ต้องเป็นบ้าหอบฟางมาเหมือนเจยที่ขนมาตั้งเเต่สากกะเบือยันเรือรบ ราคาพวกอาหารไทยรวมถึงชอสเครืองปรุงเเละอื่นๆ ราคาก็สมเหตุสมผลดีค่ะ(เเพงมากกกก) มา อยู่ต่างประเทศในช่วงเริ่ม เเรกเจ้ยเองยังไม่มปัญหาในครอบครัวเพระมัววุ่นวายกับการจัดระเบียบชีวิตใหม่ เรียนรู้สิ่งใหม่ๆยังไม่ได้สังเกตุหรือเห็นความเปลี่ยนเเปลงใดๆของ เเฟนลยค่ะเเต่ก็มีอยู่บางเรื่องที่เ็ป็นปัญหาหนักหนาสาหัสของเจ้ยในช่วงนั้น นั้นก็คือ เรื่องห้องน้ำ ชึ้งเป็นปัญหาระดับชาติของจ้ยเลยก็ว่่าได้ ห้องน้ำในต่างประเทศไม่ได้หาไ้ด้ง่ายๆเหมือนเมืองไทยบ้านเราน่ะค่ะ ไม่ได้มีทุก100 เมตรหรือ200 เมตร ตามถนนเมืองไทย ชึ่งถ้าคุณจะต้องเดินทางไกลไปต่างจังหวัดหรือต่างอำเภอจะต้องใช้ทางด่วน กว่าจะขับเจอห้องน้ำก้ต้องรอ20-30นาที กว่าจะเจอ ปั้มน้ำมันก็ไม่ได้มีตลอดส้นทางเหมือนเมืองไทย ยิ่งถ้าขับออกผ่านหมูบ้านนอกเมืองนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง สยองกว่าอยู่บนทางด่วนอีกค่ะ ถ้าปวดท้องเข้าห้องน้ำ ปวดเบานี้คงไม่เท่าไร่ เเต่ถ้าปวดหนักแล้วล่ะก็ หุหุ ชึ่งเรามีเเค่สองทางเลือกในตอนนั้นคือต้องรีบ หาร้านกาเเฟ หรือร้าน ขายบุหรี ให้เจอ ปั้มนำมันเล็กๆก็มีเเต่ไม่มีห้องน้ำให้เข้านะคะ มาอยู่ต่างประเทศใหม่ๆสยองมากรื่อง นั่งรถออกจากบ้าน เพราะเวลานั่งรถทีไรมัวเเต่คิดว่าถ้าปวดท้องตรูจะไปเข้าห้องนำทีไหนว่ะ ปวดท้องเเต่ละทีนี้อยากแย่งพวงมาลัยสามีมาขับเอง ช่วงนั้นเจ้ยกลายเป็นโรคจิต กลัวการนั่งรถออกนอกบ้าน อาการหนักมากถึงขนาด ขโมยเพมเพิสลูกมาใส่เเทนก่อนออกนอกบ้าน อยากหนีกลับไทยไม่รู้วันละกี่ร้อยรอบ ยิ่งมาเจอว่าห้าง รวมถึงร้านค้า ทุกที่จะปิดทุกวันอาทิตย์ เจ้ยยิ่งนอยส์เข้าไปใหญ่ ทีเเรกก็ไม่เชือที่สามีบอก เถียงหัวชนฝาว่ามีทีไหนกันว่ะ ห้้างจะปิดวันอาทิตย์เมืองไทยเราบ้านเราเปิดทุกวันเชเว่นนี้มียันเช้า ตกลงนี้มันเมืองนอกหรือ บ้านนอกกันเเน่ว่ะ T T
Comments