top of page

#ซาร่าสาวสู้ชีวิต เป็นเรื่องราวของสาวมาดาม ที่มีสามีฝรั่งที่มีอันจะกิน แต่ ความมีความรวย ไม่เที่ยง

  • Lalisara Lalisara ๑ ออสเตรเลีย
  • Jul 18, 2015
  • 3 min read

บทนำ: สวัสดีค่ะพี่ๆมาดามต่างแดนทุกท่านค่ะ ขอบคุณที่รับเข้ากลุ่มค่ะ วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ชีวิตให้ทุกๆคนอ่านค่ะ หลายๆคนที่กำลังหาแฟนฝรั่งหรือกำลังคิดที่จะอยากมีแฟนเป็นฝรั่ง คนอาจจะคิดว่า ทำให้ชีวิตดีขึ้น ไม่ต้องทำงานหนัก อยู่บ้านเลี้ยงอยู่อย่างเดียว มีเงินให้ใช้จ่ายฟุ้งเฟ้อ อยากให้ลองคิดใหม่ให้ดี หลังจากอ่านบทความนี้จบค่ะ

ตอนที่ 1 สาวกรุง

ซาร่าสาวเมืองกรุง ในครอบครัวที่พออยู่พอกิน ซึ่ง บ้านของซารา อยู่ที่ รังสิต พ่อแม่ขายของชำ กับเปิดร้านหมูกะทะ แถวนั้น

ซาร่า สาว ยี่สิบกว่าๆ ไม่คิดเลยว่าจะมีสามีฝรั่ง หากเหตุการณ์วันนั้นไม่เกิดขึ้น

ซาร่ามีสามีฝรั่ง มันอาจเกิดจากโชควาสนา ซะตาลิขิต เพราะ สามีเป็นเพื่อนของแฟนเพื่อนค่ะ ซึ่งใน ปัจจุบันคู่นั้นได้เลิกรากันไปแล้ว

เหตุเกิดเพราะวันนั้น ซาร่าได้เดินผ่านกล้องเว็ปแคมที่เพื่อนสาวกำลังคุยกับแฟนของเธอค่ะ

จากนั้นก็เป็นเพื่อนเป็นฝูงกันมา จนหนูมาออสเตรเลีย หรือเรียกง่ายๆว่าออส โดยหลังจาก จบปริญญาตรีสาขาการบัญชี จาก มหา’ลัยเอกชนแห่งหนึ่ง จึงมาลงเรียนภาษา ก็ถึงได้เจอตัวกันเป็นๆ

ตอนนั้นเขาเป็นพ่อม่ายที่เคยมีภรรยาฝรั่งมาก่อนและมีลูกติดด้วย ต่อมาก็มีแฟนเป็นสาวไทย และเขาเลิกร้างกันเพราะ เขาให้เงินน้อยลง

ซาร่าตามเขาเองคะ ตามจีบเลยเพราะเขาเป็นคนที่อบอุ่นมีความรับผิดชอบสูง

การเป็นเมียฝรั่งตอนแรกก็

ะ เหมือนเมียฝรั่งที่พอมีจะกินทั่วไป

แรกๆมาอยู่เฉยๆกินๆนอนๆ เบื่อๆก็บินกลับไทย

ช่วยแรกสบาย ไปบ้านปีละ 5-6 ครั้ง เบื่อบ้าน ก็บินไปเที่ยวประเทศอื่น แต่ชีวิตไม่ใช่เมื่อรุ่ง เมื่อรวยแล้ว มันจะคงทนถาวร รุ่งรวย ไปตลอด

หลังจากนั้น ก็ตกยาก อย่างที่เล่าให้ฟังคะ

ตอนที่ 2 ตกถังข้าวสารเหรอ

จะมีซักกี่คนที่โชคดี ตกถังข้าวสารจริงๆ ได้สามีร่ำรวยเงินทอง มีธุรกิจ และมีบ้านหลังใหญ่โต ฝรั่งก็เหมือนไทยเรานี่แหละค่ะ คนส่วนใหญ่ทำงานหาเช้ากินค่ำ ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ใช้เงินเดือนชนเดือน ต่างกันตรงแต่ "ค่าเงิน" ของเขา เยอะกว่าเราแค่นั้นเอง ถ้าลองเที่ยวไปบอกใครต่อใครว่าสามีได้เงินเดือน เดือนละ 200,000 บาทไทย

รับรองว่าใครๆก็ต้องตาลุกวาว แต่อย่าลืมค่ะว่า เงินเดือนสูง ค่าครองชีพก็สูงตาม ก๋วยเตี๋ยวชามละ 300 บาท ค่าเช่าบ้านหลังเล็กๆ สัปดาห์ละ 12,000 บาท หรือเดือนละ 48,000 บาท นี่คือราคาเช่านะคะ ถ้าคนไหนต้องผ่อนบ้านอีก ก็ต้องจ่ายไม่ต่ำกว่าเดือนละ 80,000 บาท ไหนจะค่าน้ำไฟ ค่าเดินทาง ค่ากินค่าอยู่จิปาถะ คงจะมองออกกันแล้วนะคะ ว่า "เงินเก็บ" แทบจะไม่มีเหมือนพี่ไทยเรานี่แหละค่าาา

ท้าวความซะยาว ขอเล่ามรสุมชีวิตลูกแรกของตัวเองก่อน สามี อายุ 42 ปี ลูกติดสองคน เปิดบริษัททำธุรกิจนำเข้ารถมาขายในออสเตรเลีย ซึ่งถือว่าเขาเป็นชายหนุ่มในฝันของสาวๆแน่นอน เลยใช่ไหมคะ

นักธุรกิจเนี่ย แต่อย่าเพิ่งวาดฝันสวยหรูเกินไปค่ะ

สามีเลิกกับแม่เด็กได้สามปี สมบัติแบ่งครึ่งแล้ว ยกเว้นบ้าน ที่ยังขายไม่ออก ประกาศขายบ้านมาสามปี ราคาเปิดขายปีแรก $1.75 ล้านเหรียญ

ตอนที่ 3 เงินของเรา

เขาพยายามที่จะขายบ้าน ปีที่สองขายไม่ออก ลดราคาลงเหลือ $1.50 ล้านเหรียญ ปีที่สาม ก็ยังขายไม่ออก ลดราคาลงอีกเหลือ $1.275 ล้านเหรียญ โชคดีขายได้ แต่คนซื้อต่อราคา จบที่ $1.15 ล้านเหรียญ หักค่านายหน้า ค่าโอน เหลือ $1.1 ล้านเหรียญ $50,000 หายไปกับสายลม

ดูเหมือนจะจบลงด้วยดี ถ้าหารสอง คงได้ คนละ $550,000 แต่ยังไม่จบค่ะ ใช้หนี้ธนาคารที่กู้มาทำบ้านอีก $500,000 เหลือ $600,000 หารสอง ได้คนละ $300,000

ดูเหมือนจะจบแบบแฮปปี้เอ็นดิ้งอีกละ แต่ไม่ค่ะ เมียเก่า ฟ้องศาล ว่าหาสมัครงานไม่ได้ เพราะเป็นแม่บ้านเลี้ยงลูกมา 10 กว่าปี ไม่มีประสบการณ์การทำงาน ทำให้หางานยาก เรียกร้องให้สามีเก่าส่งเสีย จนกว่าจะหางานได้ พร้อมค่าเลี้ยงดูลูก เป็นจำนวนเงิน อาทิตย์ละ $1,000 จนกว่าจะหางานฟูลไทม์ได้ ศาลตัดสิน ให้สามีจ่ายเงินจำนวนนี้ให้ลูกและภรรยาเก่า 😤😤 และจ่ายอยู่ร่วมๆสองปี

บ้านที่เคยมีเมื่อสามีมีธุรกิจรุ่งเรือง ตอนนี้ขายไปแล้ว เงินที่ขายบ้านได้ ก็ใช้หนี้ธนาคารหมดแล้ว ชีวิตคนเรา มันขึ้นลงตลอดเวลา อยากจะยึดติดแต่มันเป็นไปไม่ได้ จำเป็นต้องยอมรับ ว่าอย่ายึดติดกับอดีต อยู่ให้ได้กับปัจจุบัน แล้วเราจะมีความสุขกับมันค่ะ

ตอนที่ 4 งาน เงิน งาน

ต่อจากนั้นธุรกิจรถย่ำแย่ ดิ่งลงเหว สามีคิดหางานใหม่แต่ไปสมัครที่ไหนก็ไม่มีใครรับ เพราะไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน เนื่องจากทำธุรกิจตัวเองมา 17 ปี เลยหางานไม่ได้ ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเงินเก็บก่อนสุดท้าย ที่ได้มาหลังเลิกกับเมียเก่า จนเงินใกล้หมด

ถึงตอนนี้ ถ้าเป็นครอบครัวอื่น คนที่เคยมีเงินมาก่อน ตอนนี้เงินไม่มีติดบ้าน คงทะเลาะกันบ้านแตกแน่ๆ

แต่ ซาร่าหญิงไทยถึกอึดทน ได้เสนอตัวออกไปทำงานนอกบ้าน เพื่อหาเงินเข้าบ้าน มาเลี้ยงสามี และจ่ายเงินค่าเลี้ยงลูกติดจากเมียเก่า!!!! ตอนนั้น หางานทำ เป็นบ้าเป็นบอ งานอะไร ยื่นใบสมัครหมด งานครัว งานล้างส้วม ตั้งใจว่า ได้งานอะไรมา ก็จะไปทำ เพื่อหาเงินมาให้ได้ สามีก็ ยื่นใบสมัครงานเป็นร้อยที่ ก็ไม่มีใครรับ ก็เลยมานั่งจับเข่าคุยกัน

สามีเลยเสนอไอเดียให้เรียนเอาใบประกาศของที่ออส จะได้หางานง่าย เพราะที่นี่ ถ้าไม่มีใบประกาศ โอกาสหางานดีดีได้ แทบเป็น 0 นอกจากงานครัว งานเสิร์ฟ ที่กดค่าแรงมากๆ

และเราก็ตกลงกันว่า จะเรียนสายที่คนงานขาดแคลน และหางานง่าย

เราพุ่งไปที่งานโรงพยาบาล เพราะคนเรามี เกิดแก่เจ็บตาย และการป่วย เป็นสิ่งที่ใครๆก็เลี่ยงไม่ได้

ยังไงๆก็ต้องไปโรงพยาบาล

ตอนที่ 5 การเรียน

จากนั้นเขาก็ใช้เงินเก็บก่อนสุดท้าย พาเมียไทยใจกล้า ไปสมัครเรียน พยาบาล

โอ๊ยย!! พี่น้องเอ๋ย

ใครคิดว่าตัวเองเก่ง พูดภาษาปะกิด หรืออังกฤษคล่องปรื๋อ วิ่งปร๋อ อย่างที่ซาร่าคิดว่าตัวเองเป็นตอนนั้น ลองมาเจอศัพท์ทางการแพทย์ค่ะ ที่ซาร่าไปเรียน

อย่าว่าจะอ่านออกเสียง สะกดในใจ ยังสะกดไม่ออก วุฒิปริญญาของซาร่าที่ภูมิใจจากไทย ตอนนี้เป็นง่อยไปถนัดใจ

ใช้การไม่ได้เลยค่ะที่นี่

สอบที ไม่ได้หลับได้นอนเพราะต้องท่องศัพท์

ไหนจะเพื่อนร่วมห้องที่รังเกียจว่าเป็นสาวเอเชีย

สารพัดปัญหา ในขณะเรียนไหนจะการบ้าน

ไหนจะรายงานพูดหน้าชั้นประจำ

ไหนจะต้องจำชื่อยาสารพัด และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้ในโรงพยาบาลที่เราไม่คุ้นเคยของใช้พวกนี้ เป็นชื่อภาษาอังกฤษที่เราไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลย เท่ากับนับหนึ่งใหม่ เรียกได้ว่า ต้องเรียนยากกว่าคนอื่นหลายเท่าจริงๆ รวมทั้งการอ่านการออกเสียงภาษาอังกฤษของเรากับเขาในแต่ละพื้นที่ก็ไม่เหมือนกัน แต่ซาร่าไม่ท้อคะ เขียนซ้ำๆ ท่องๆ นี่คือ หัวใจของการเรียนรู้ภาษาใหม่ ที่ไม่ใช่ภาษาแม่ และอย่าได้อายที่จะออกเสียงคะ

ตอนที่ 6 ไม่ท้อ

แต่ในความโชคร้าย ยังมีความโชคดีปนอยู่ค่ะ ในเฟซบุ๊ค มีพี่คนไทยคนนึง โพสว่าคลินิกทำฟันในเมือง ประกาศรับผู้ช่วยหมอฟัน คุณหมอชอบคนไทย เพราะเฟรนด์ลี่และทำงานด้วยง่าย ให้ใครสน หรือมีประสบการณ์จากไทยมาก่อน ให้ไปยื่นใบสมัครด่วน

พอเห็นโพสต์เท่านั้น ซาร่าคิดในใจ

โห!!! ในเมืองเลยเหรอ ทำไมมันไกลมากขนาดนี้

ไกลมาก จากบ้านไป 100 km ไปกลับมากกว่า 200 km ต่อวัน พอๆกับไปกลับกรุงเทพ-โคราชทุกวัน

เอาไงดีน๊อ จากนั้น คุยกะสามีเลยค่ะ บอกสามีว่าเราอยากลองสมัครดู ให้สามีช่วยทำใบสมัครงานและส่งเมล์ไปที่คลินิกให้

สามีก็แย้ง ว่ามันไกล เธอจะไปทำได้ยังไง ไกลขนาดนั้น

เธอตั้งใจเรียนให้จบก่อนดีกว่า แล้วหางานใกล้บ้าน

สู้รบกันอยู่พักใหญ่ สามีก็ยอม ทำใบสมัครให้ จากนั้นสองวัน คุณหมอเรียกสัมภาษณ์ คำถามแรกเลย

"มีประสบการณ์ การเป็นผู้ช่วยหมอฟันมาก่อนไหม?"

ตอบหมอทันใด

"ไม่มีค่ะ ไม่เคยทำ แต่กำลังเรียน ตอนนี้อยากทำงาน ถ้าหมอยินดีสอนให้ หนูพร้อมจะเรียนรู้ทุกอย่างค่ะ "

หมอ ไม่พูดอะไร ถามคำถามต่อไป

"บ้านอยู่ไหน?"

"แมนดูร่าค่ะ"

หมอถามย้ำ "ที่ไหนนะ?"

ตอบหมอทันควัน "แมนดูร่าค่ะ"

หมอพูดว่า "บ้านคุณ อยู่ไกลมากนะ จะมาทำงานไหวหรอ ถ้ามาไหว แน่ใจได้ยังไง ว่าจะทนอยู่ได้นาน เราต้องการพนักงานแบบถาวร ไม่ต้องการคนที่มาทำชั่วคราว แล้วลาออก"

ตอนที่ 7 งานใหม่

ฟังคำพูดของหมอเจ้าของคลินิกวันนั้นก็ใจออก วันนั้น ก็กลับบ้านแบบคอตก คิดในใจหมอไม่รับเข้าทำงานแน่ เพราะบ้านอยู่ไกล จะให้ย้ายไปเช่าในเมือง ก็ไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่าแน่ๆ สามีก็ปลอบใจว่า ไม่เป็นไร ตั้งใจเรียนไปก่อน จบแล้วค่อยหางานใกล้ๆบ้าน

สองวันต่อมา วันแห่งการเปลี่ยนแปลงมีงานทำก็เกิดขึ้น เพราะซาร่าได้ทำในวันก่อนที่ไปสัมภาษณ์ ไว้ หมอส่งข้อความมาบอกว่า พร้อมเข้ามาทำงานไหม ว่างอยู่ อาทิตย์ละ 2 วัน เป็นลูกจ้างพาร์ทไทม์ไปก่อน

แม่เอ้ย!!! ตอนนั้น ดีใจมาก รีบตอบตกลงทันที ไม่สนระยะทางเลยว่าไกลแค่ไหน ขอให้ได้เงินก็พอ จากนั้นบททดสอบสุดหินของชีวิตค่ะ

จากนั้นได้ทำงานซักพัก หมอก็ได้เพิ่มงานให้จากสองวัน เป็นสามวันต่อสัปดาห์ กลายเป็นซาร่าต้องเรียนสองวัน ทำงานสามวัน

อีกสองวัน อ่านหนังสือและทำการบ้าน คิดว่าชีวิตตอนนั้นลำบากสุดๆแต่ไม่ท้อคะ

ที่หินๆคือ ต้องอ่านตำราศัพท์แพทย์ ทั้งภาษาไทยและอังกฤษจากอินเตอร์เน็ต ทุกอย่างที่เรียน ต้องหามูลเป็นภาษาไทยก่อน ภาษาแม่เรานี่แหละเข้าใจสุดๆ และเมื่อไหร่ที่จะสอบก็ค่อยแปลไปเป็นภาษาอังกฤษ

หากช่วงไหนที่จะสอบ

ช่วงนั้นแทบไม่ได้นอน หลังจากนั้น 1 ปีเต็มที่ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ค่าเทอมก็แสนจะแพง เพราะจ่ายในราคาของนักเรียนอินเตอร์ เนื่องจากถือวีซ่าชั่วคราว ปีละ $17,000 ต้องจ่ายอย่างนี้ถึง 2 ปี

ตอนที่ 8 ลู่ทางชีวิต

จากนั้นก็เริ่มหาลู่ทางหาเงินเพิ่ม สามีก็ยังตกงานอยู่ ธุรกิจก็ทำเงินไม่ได้

รายได้ส่วนใหญ่ที่ใช้กินอยู่ มาจากงานที่ไปเป็นผู้ช่วยหมอฟัน เงินเก็บของสามี ก็เริ่มจะหมดแล้ว ร่อยหรอจนเกือบจะหมด ก็เลยคิดว่าจะหาเงินเพิ่มยังไงดี

โชคเข้าข้างอีกแหละพอดี เมื่อสามี อยากหาลู่ทางทำเงินเพิ่ม เลยไปญี่ปุ่น ไปหาดูรถเพื่อนำเข้ามาขาย และซาร่าไปด้วยและได้ไปเห็นกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ที่ญี่ปุ่น เยอะแยะมาก

ตอนนั้นเลยมีความคิดว่า จะเอากระเป๋าแบรนด์มือสองมาขายดีกว่า

แต่ทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด การจะหาเงินในต่างแดน เป็นที่รู้กันว่าฝรั่งเขี้ยวมากเรื่องภาษี ต้องทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งซาร่าอาจจะโดนยกเลิกวีซ่าก็ได้

ตอนนั้นหาข้อมูลนานมาก

ต้องทำอะไรยังไง ภาษีนำเข้าสินค้า จ่ายยังไง

ขั้นตอนการดีแคลร์สินค้าทำยังไง สามีช่วยหาข้อมูลทุกอย่างให้ จนได้จนทะเบียนบริษัทขายกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ที่ออสเตรเลีย เสียภาษี นำเข้า สินค้าแบบถูกกฏหมาย

ตอนที่ 9 สู้ไม่ถอย

หลังจากนี้ ชีวิตทรหดทำงานอย่างกับวัวกับควายของจริง ทำงานผู้ช่วยหมอฟันสามวัน เรียนสองวัน อีกสองวันเสาร์อาทิตย์ วิ่งหอบกระเป๋าไปเสนอขายตามบ้านพี่ๆคนไทย ที่สนใจอยากดูสินค้า หอบกระเป๋าขึ้นรถไฟ น้ำหนักร่วม 10 กิโลกรัม

ทั้งแบกทั้งสะพาย ทำมาหมดทุกอย่าง ทำไปเพื่ออยากหาเงิน ขายได้บ้างไม่ได้บ้าง ก็บ้าหอบฟาง หอบของไปขาย

จากที่เคยมีเวลาอ่านหนังสือและทำการบ้านในช่วงวันหยุด ก็ต้องเปลี่ยนมาอ่านบนรถไฟ อ่านบ้างหลับบ้างบนรถบัสและรถเมล์ช่วงไปทำงาน

วันที่สำเร็จและภูมิใจ

ในวันรับใบประกาศค่ะนั้น สามีของซาร่าไม่ได้ไปแสดงความยยินดีด้วยค่ะ เพราะไม่มีเงินจ่ายค่าบัตรผ่านและค่าอาหาร เขาคิด $200 หรือราวๆ หกพันบาทต่อคน ถ้าไปก็ต้องขนไปกันทั้งครอบครัว ลูกสามีอีกสอง เท่ากับต้องจ่าย 24,000 บาท

วันนั้น ซาร่าเลยฉายเดี่ยวเลยค่ะ หัวเดียวกระเทียมลีบ หากที่เมืองไทยคงพากันไปเป็นครอบครัวแน่ๆเลย แต่ยิ้มสู้ รุ้สึกเสียใจเหมือนกันที่สามีไม่ได้ไปร่วมยินดีด้วยวันนั้น

แต่เราก็ภูมิใจค่ะ ซาร่าทำได้ หากเรามีความเพียร ไม่ท้อ ทุกคนทำได้คะ อย่าดูถูกกดูหมิ่นตัวเองให้หมดกำลังใจ

นี่แหละชีวิตต้องสู้ของมาดามซาร่า

ตอนที่ 10 ครอบครัวสามี

ช่วงนี้ถือว่าเป็นช่วยพิสูจน์คน พ่อแม่สามี จากทีแรก กลัวเรามาหลอกลูกชายเขา ถึงขนาดขอให้เซ็นสัญญาก่อนแต่งงาน ว่าไม่เอาสมบัติ

จนตอนนี้ กล้าบอกใครต่อแล้วว่า ลูกสะใภ้ เป็นคนไทย ทำงานเป็นผู้ช่วยหมอฟัน เวลาเพื่อนมาบ้าน ก็แนะนำว่า เป็นลูกสาวคนเล็ก ไม่ใช่แค่ลูกสะใภ้ วันเกิด ก็ทำเค้กให้ ให้สร้อยคอเป็นของขวัญ และซื้อชุดนอน ถักผ้าพันคอให้ สารพัด เรียกได้ว่าหน้ามือเป็นหลังมือ

เล่ามาถึงตอนนี้ ทุกวันนี้เรียนจบแล้ว ทำงานเป็นผู้ช่วยหมอฟัน 4 วันต่ออาทิตย์ หมอก็เอ่ยปากชมว่าเราเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดในประสบการณ์การทำงานร่วม 30 ปีของหมอ ซึ่งทำให้ซาร่า แอบภูมิใจนิดนึง อิอิ

ส่วนอีกสามวันขายกระเป๋าเหมือนเดิม แต่ไม่ต้องวิ่งหอบของไปขายตามบ้านแล้ว เพราะมีลูกค้าประจำในเว็ปเพจเกือบ 800 คนเฉพาะในออสเตรเลีย

ลูกค้าแวะเวียนมาอุดหนุนตลอดๆ ความภูมิใจในการสู้ชีวิตของซาร่า ก็มีมาเรื่อยๆ เพราะซาร่า สู้ไม่ถอย ตอนนี้มีเงินช่วยพ่อแม่ผ่อนบ้านที่ไทย และกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ และพาไปเที่ยวต่างจังหวัดบ่อยๆ ถึงจะไม่รวย ไม่มีแม้แต่ทองสักบาทไว้ใส่อวดคนอื่น แต่มีความสุขดีค่ะ

ตอนที่ 11 เล่ามาถึงตอนนี้

อยากบอกพี่ๆน้องๆ เพื่อนๆว่า

อย่างอมืองอเท้าค่ะ

อย่ายืมจมูกคนอื่นหายใจ

อย่าคิดว่าความโชคร้ายและโชคดี จะอยู่กับเราตลอดไป สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา มาอยู่ต่างแดน ต้องขยันหาความรู้ใส่ตัว จะได้เอาตัวรอดได้

อย่าหมิ่นเงินเล็กน้อย อย่าคิดเพียงแต่ว่าอยากมาอยู่สบายเป็นคุณนาย พยายามเรียนรู้ภาษา วันข้างหน้าจะได้เอาตัวรอดได้ ก่อนหน้านี้เราผ่านคำดูถูกมาเยอะ ทั้งจากคนที่อยู่ไทย และแม้แต่บรรดาเมียฝรั่งด้วยกันเอง ที่ถามเราเสมอว่า มีผัวฝรั่งแล้วทำไมไม่ให้ผัวเลี้ยง ออกไปทำงานทำไม

หรือแม้กระทั่งตอนสามีตกงาน แล้วเราทำงานมีรายได้ คนยังถามเลยว่า จะไปหาเลี้ยงผู้ชายทำไม หาสามีใหม่ไม่ดีกว่าหรอ

แต่เราเลือกไม่โต้ตอบค่ะ ยิ้มสู้อย่างเดียว กินไข่ต้มกับข้าวสวยคลุกน้ำปลาติดกันหลายๆวัน เราก็ทำมาแล้ว สามีเราเขาไม่รวย แต่เชื่อว่า ผู้ชายที่ ไม่เคยแม่แต่พูดให้เมียช้ำใจแม้แต่ครั้งเดียว ผู้ชายที่ทำงานบ้านช่วยเหลือเมียทุกอย่าง และผู้ชายที่รักและให้เกียรติพ่อแม่เราเหมือนพ่อแม่เขาแท้ๆ และสุดท้าย ผู้ชายที่นวดเท้าให้เราทุกคืนหลังจากเรากลับจากที่ทำงาน จะให้เราทิ้งเขาได้ยังไงจริงไหมคะ

บทส่งท้าย : ฝากเรื่องราวเอาไว้ให้เป็นแง่คิดสำหรับ ตอนนี้ซาร่า อายุ 27 ย่าง 28 อยู่กับสามีมา 4 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้ไม่ลำบากแบบแต่ก่อนแล้วค่ะ เพราะเรียนจบแล้ว มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่ยังทำงานเป็นผู้ช่วยหมออยู่ที่เดิม แล้ววันหยุดก็ขายกระเป๋าเหมือนเดิมค่ะ ยังหยุดไม่ได้ เป้าหมายต่อไปคือโปะบ้านให้แม่ที่ไทย เหลือผ่อนกับธนาคารอีก ราวๆ สี่แสนกว่าบาท พอหมดหนี้คงดีขึ้นกว่านี้จ้ะ

อยากให้ข้อคิดกับคนที่คิดจะมาอยู่เมืองนอกค่ะ ว่ามันไม่ได้สบายและสวยหรูอย่างที่ใครๆคิดกัน สุดท้ายนี้ขอให้ทุกๆคนใช้ชีวิตเรียบง่าย แต่มีความสุข ความสุขอยู่ในบ้าน ในครอบครัวเรานี่แหละค่ะ ไม่ต้องวิ่งตามหาจากที่ไหน เพราะความสุขอยู่ที่นี่ อยู่ที่เรา อยู่ในกำมือของเรา ขอให้โชคดีมีชัยกันทุกคนค่ะ

นี่คือเวปเพจของมาดามซาร่า หากคุณๆจะไปเป็นลูกค้า หรือเรียนรู้ รวมทั้งให้กำลังใจกันและกันคะ https://m.facebook.com/profile.php?id=350921588408275...

Lalisara Lalisara ธุรกิจกระเป๋า ไม่มีอะไรพิเศษเลยค่ะ ไปญี่ปุ่น เน้นซื้อจำนวนเยอะ แล้วต่อราคาเค้าให้ได้มากที่สุด แล้วก็ส่งไปรษณีย์กลับมาออสเตรเลีย ส่วนช่วงทางการนำเข้า ต้องศึกษากฏหมายของแต่ละประเทศดูค่ะ เพราะกฏหมายไม่เหมือนกัน อย่างออสเตรเลีย ต้องเสียภาษีนำเข้า 5% และ ภาษีสินค้า อีก 10% ของราคาสินค้าที่เรานำเข้ามาค่ะ จากนั้นกำไรจากการขายทั้งหมด ต้องจ่ายภาษี 30% ค่ะ ใครสนใจอยากทำธุรกิจกระเป๋า หนูยินดีให้คำปรึกษาค่ะ ส่งข้อความมาถามได้เลยค่ะ ยินดีบอกให้หมดแบบไม่หมกเม็ดเลยจ้ะ https://m.facebook.com/profile.php?id=350921588408275

June 25 at 5:15am · Like · 1รนด์เนมมือสอง ตอน 1

  • มาลงรายละเอียดให้คร่าวๆ สำหรับผู้ที่สนใจธุรกิจกระเป๋า และผู้ที่ไม่มีพื้นฐานความรู้เรื่องกระเป๋าแบรนด์เนมค่ะ ของเล่าคร่าวๆเรื่องพื้นฐานตลาดก่อนนะคะ ใครที่ยังอยู่ไทยและต้องการขายกระเป๋ามือสองตอนนี้ ต้องบอกว่า #ไม่แนะนำค่ะ เนื่องจากตลาดพวกนี้มีแม่ค้าที่เค้าค้าขายมานาน มีชื่อเสียง และมีฐานลูกค้าเยอะอยู่แล้ว เค้าครองตลาดอยู่ เราหน้าใหม่เข้าไป ถ้าเงินไม่ถึง ฐานลูกค้าไม่มี และสายป่านไม่ยาว เจ๊งทุกรายค่ะ เว้นแต่ว่า จะไปเจาะตลาดต่างจังหวัดที่คู่แข่งในจังหวัดนั้นๆยังไม่เยอะ อันนี้ก็เป็นตัวเลือกที่ดี และยังพอมีช่องทางที่ยังพอแทรกตัวเข้าไปได้อยู่ค่ะส่วนใครอยู่ต่างประเทศ ต้องศึกษากฏหมายนำเข้า และการเสียภาษีของประเทศนั้นๆก่อนนะคะ กฏหมายแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน สามารถหาอ่านเป็นภาษาไทยได้ง่ายๆ ก็คือใน Google ค่ะ เสิร์ชหากันดู

Remove

Lalisara Lalisara #ธุรกิจกระเป๋าแบรนด์เนมมือสอง ตอน 2 เริ่มแรกต้องศึกษาราคาสินค้าก่อนค่ะ ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมและขายดีที่สุดคือ Louis Vuitton ค่ะ หนูเริ่มจาก เข้าเว็ปไซต์ของLV แล้วดูภาพกระเป๋าต่างๆ พยายามจำชื่อรุ่น ราคาไทยบาท และราคาขายของประเทศที่เราอยู่ จากนั้นก็เข้า...See More

Siambrandname.com

siambrandname.com

June 25 at 7:15am · Like · 4 · Remove Preview


 
 
 

Comments


คลิกดูเรื่องน่าอ่าน
Tag Cloud

ขออภัยกำลังอยู่ใน

ขั้นตอนทำเวปเพจคะ

 ThaiMadam's story

© 2014 by The Book of  Lover "Thai madamstory" Proudly created with Wix.com

  • Facebook B&W
  • Twitter B&W
  • Google+ B&W
bottom of page