#ความฝันที่เป็นจริง@ Kessarin Bland ชีวิตวันนั้นที่มีฝัน วันที่ผ่านๆมาได้หมดหวัง แต่วันนี้ชีวิตได้
- Kessarin Bland เรียบเรียงโดยนิรนาม
- Jul 18, 2015
- 3 min read

ตอนที่ 1เกศสาวอุทัยธานี
เกศ เป็นคนอุทัยธานี เกิดในครอบครัวฐานะปลานกลาง เป็นลูกคนที่สองของครอบครัว ได้เรียนในโรงเรียนจนจบ มศ .5 ในสมัยก่อนโน้น ก่อนที่รัฐจะปรับเปลี่ยนมาเป็น ม 6 จนปัจจุบัน และหลังจากนั้นก็ได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง แต่ เกศก็เรียนไม่จบ เพราะไม่ชอบเรียน จากหนังสือ หรือเอาแต่ทฤษฎี ส่วนตัวแล้วชอบงานประเภทเย็บปักถักร้อย การบ้านการเรือนมากกว่า ร่วมทั้งพื้นฐานของเกศแล้ว อยากทำการค้าการขายมากกว่าในอนาคต ไม่อยากเป็นลูกจ้าง หรือข้าราชการใดๆ
จึงตัดสินใจหยุดเรียนในมหาวิทยาลัย และไปทำงานพร้อมเรียนและฝึกงานเย็บเสื้อผ้ากับพี่สาว ด้วยความชอบเป็นทุนเดิม และได้ฝึกงานทุกวันกับพี่สาว
ในที่สุดเกศก็ได้ ไปเรียน ต่อทางด้านการเย็บเสื้อผ้า ดีไซน์จนจบ รวมทั้ง เป็นคนที่มีหัวค้าหัวคิดทางการค้าจึงได้เปิดกิจการการตัดเย็บ มีร้านเป็นของตนเอง กิจการของเกศก็รุ่งเรืองดีคะ
ตอนที่ 2 ครอบครัวใหญ่
เกศคิดว่าตัวเองมีหัวคิดการค้าการขาย และหากมีสามีเป็นคนที่มีหัวการค้าก็จะดีต่ออนาคต ในที่สุดเกศก็ได้แต่งงานกับสามีไทยที่มีเชื้อสายจีน หลังแต่งงาน เรายังอยู่ในครอบครัวกับอากงและอาม๋า ครอบครัวของสามีเป็นครอบครัวใหญ่คะ มีอากง อาม๋า มีอาเฮีย อาตี๋ อาหม่วย อาๆหลายๆคนในบ้านหลังเดียวกัน อะไรๆ ก็ทำด้วยกัน กินด้วยกัน ซึ่งเกศเอง เป็นคนไทย มีความเป็นส่วนตัว ไม่ค่อยคุ้นเคยกับการอยู่อย่างครอบครัวใหญ่อย่างนี้ แต่ก็พยายามเพราะรักกันและแต่งงานกันแล้ว จนเรามีลูกด้วยกันสองคน
ความที่เกศเป็นคนไทย ประเพณี และพื้นฐานในการดำเนินชีวิตที่แตกต่างระหว่างคนไทย กับคนจีน จีนจริงๆ ที่ยังยึดถึงประเพณีและการดำเนินชีวิตในพื้นเพเดิม เกศพยายามปรับตัวแต่ก็ไม่เคยชินกับการอยู่ร่วมในครอบครัวใหญ่ๆของสามี สำคัญคือครอบครัวเราต้องมีสัดส่วนและความเป็นส่วนตัวบ้างจึงจะมีความสุข
“แต่นี่!!!!!!ไม่มีความเป็นส่วนตัว สัดส่วนของครอบครัวเราเลย อะไรๆก็ส่วนรวมทั้งนั้น”
จนในที่สุดเกศ เหนื่อยในการปรับตัวสุดๆ ความวุ่นวายของครอบครัวใหญ่ไม่จบไม่สิ้น ปัญหาเล็กๆเข้ามาทุกวัน หากทะเลาะกัน ตอนไหน สามีก็จะไล่เกศออกจากบ้านแทบทุกรอบ ไล่ๆๆอย่างนั้น เกศ ทนไม่ได้และต้องแยกกันอยู่ในที่สุด แต่เขาก็ยังอยู่กับครอบครัวไม่ได้ติดตามเกศมา
และอีกนะแหละเมื่อไม่ติดตาม ครอบครัวไม่เป็นครอบครัว เกศก็ขอหย่ากับเขา ความเป็นเขา เป็นคนจีนแท้ๆเลือดจีนแท้ๆของเขา เกศคิดว่าหากคุณหลายคนอยู่ในแวดวงคนจีนคงรู้จักดี
เขาบอกเกศว่าถ้าเราหย่ากันและเขายอมให้เกศจะเอาลูกไป
“เฮียจะหย่าให้ หากเกศเอาลูกไป เฮียจะไม่ส่งเสียลูกๆ เกศต้องดูแลลูกเองทั้งหมดนะ”
“หากเกศเอาลูกไปแล้ว และเกศเลี้ยงลูกไม่ได้ให้ส่งกลับมาเฮียจะเลี้ยงเอง”
เกศเป็นแม่คะ และรักลูกมากด้วย เกศทิ้งลูกไม่ได้ เกศจึงตัดสินใจเอาไปเลี้ยงเอง มีกินมีอยู่ก็เรา สู้ทนเพื่อลูก เพราะลูกคือขวัญกำลังใจของแม่ และทำให้แม่สู้ชีวิตมาได้ มีเกศจะต้องมีลูก เกศเลี้ยงลูกเองคะ จากข้อตกลงนี้ในที่สุด เขาก็ยินยอมหย่าให้เกศ รวมทั้งเกศได้ลูกต้องเลี้ยงลูกมาเอง
“ แม่ม่ายวัย 25 พร้อมลูกติดอีกสอง”
ตอนที่ 3 มาดามเกศ
อาชีพของเกศก็เป็นสาวเย็บผ้า อยู่บ้านหารายได้ เลี้ยงลูกไปด้วย เราสามชีวิต แม่และลูกๆ เราอยู่ได้ ไม่เดือดร้อน ส่วนลูกๆก็เชื่อฟังแม่เป็นเด็กดี และเป็นขวัญกำลังใจให้กับเกศในการทำงาน ชีวิตของเราไม่ทุกข์มาก ไม่จนมาก ไม่รวยมาก แต่เรารวยสุขมากขึ้นคะ
จนอายุจะ 27 ปี ชีวิตพรหมลิขิต ชักนำ พัดพาให้ได้พบกับหนุ่มชาวออสเตรเลีย เราได้พูดคุยกัน และเขารู้ว่าเกศนะมีชีวิตเป็นมายังไง และมีพื้นฐานชีวิตและครอบครัวยังไง โดยที่เกศไม่ได้ปิดบังเขาเลย
ผู้ชายอะไร!!! เขาก็รู้ว่าเกศมีลูกแล้วและมีตั้งสองคนอีกยังขอแต่งงานกับเกศเลย
อายุขนาดเกศ 27 หากพูดถึงความรักความใคร่ ในช่วงนี้ก็ไม่อยากได้อยากดีอะไรมากมายแล้ว ความรักที่เคยมีและหวังจะเป็นครอบเป็นครัวรักแรกนั้นทำให้หัวใจแตกสลายไปแล้ว
แต่หากคุณเป็นแม่ลูกติด สิ่งที่คุณคิดปั๊บเลยคือคิดว่าแต่งเพื่ออนาคตของลูก หากเรามีใครสักคนในช่วงนี้คือ มีคนมามาช่วยดูแลลูกของเรา ในการส่งเสียเรียนหนังสือ มีอนาคต หากเราได้สามีฝรั่งและพาเราไปอยู่ต่างประเทศ เป็นประเทศที่ดี อย่างออสเตรเลีย ยิ่งเป็นโอกาสดีๆที่เราจะหยิบยืนให้กับลูกเราทันทีเลย
และโอกาสของลูกคือแรงจูงใจสำคัญที่สุด เกศตัดสินใจแต่งงานกับหนุ่มชาวออสซี่คนนี้ เราไปแต่งงานกันที่สถานทูตออสเตรเลียในกรุงเทพ เมื่อปี 2000 ปีแห่งความหวังและปีแห่งความทรงจำของเกศ และเป็นปีที่เปิดโอกาสให้ลูกๆ
หลังจากนั้นเราทั้งสามก็หอบข้าวหอบของ ตามเขามาอยู่ออสเตรเลีย ที่บอกว่าหอบข้าวหอบของคือมีอะไร ที่คิดว่าจะเป็นวิชาอาชีพ ไม่ซื้อไม่หา แต่มีโอกาสในการทำกินหรือหาเงินได้ เกศไม่ทิ้งคะ ขนแม้กระทั่งจักรเย็บผ้า
ตอนที่ 4 ชีวิตที่ต่างแดน
แต่ชีวิตคนเราไม่ใช่จะเป็นดังหวัง ทุกอย่างไป พอมาถึงออสเตรเลียเราไม่มีที่พัก ส่วนตัวของเขาเองเป็นฝรั่งตกงาน ไม่มีงานทำ ไม่มีเงิน ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
และสิ่งที่เขาทำคือถือพาสปอร์ตให้เราทั้งหมด หรือพูดง่ายๆคือ เขายึดพาสปอร์ตและเอกสารของเกศและลูกทันทีที่มาถึง และการที่ไม่มีบ้านนั้นเราต้องไปหานอนโรงงแรม หรือเช่าที่พักอยู่อาศัยคะแล้วเราจะทำยังไงละ แม่ ลูก และสามีใหม่ที่ยึดพาสปอร์ตของเราทั้งหมด
เคยแต่ได้ยินเขาว่า บางคนได้สามีฝรั่งจน ถูกหลอกไปทำงาน เลี้ยง เอ้อ!!ตอนนี้เกศมาเจอด้วยตัวเอง ความหวัง ความฝันของเกศที่จะมีอนาคต และให้อนาคตลูกๆ หมดสิ้นแล้ว ทั้งเมื่อมาถึงมาอยู่โรงแรม เงินก็ไม่มีสำหรับจ่ายค่าโรงแรม สิ่งที่มีค่าที่สุดตอนนี้คือจักรเย็บผ้าคะ
เกศต้องเอาจักรเย็บผ้าที่ขนมาจากเมืองไทย มาจ่ายค่าโรงแรมแทนเงิน ถึงออกจากโรงแรมได้
นี่แหละก้าวแรกของชีวิต สวรรค์ในต่างแดนของเกศและลูกๆ
หลังจากนั้น คนตกงานและพ่วงอีกสามคนคือเกศและลูกๆที่ยังเด็ก เกศจะทำอะไรได้หากไม่ไปขอความช่วยเหลือจากรัฐให้สงเคราะห์เรา
เขามุ่งหน้าไปขอความช่วยเหลือจากสถานสงเคราะห์ และก็ได้บ้านของรัฐบาลมาหลังหนึ่ง จากนั้นสิ่งที่เกศและลูกต้องทำตามคำแนะนำของสามีใหม่ ที่ตกงานของเกศคือ เกศและลูกต้องลงทะเบียนขอเงินช่วยเหลือ หรือเงินสงเคราะห์คนตกงานจากรัฐ
ตอนที่ 5 ชีวิตกับเงินสงเคราะห์
คนที่เคยหาเงินกินเองได้ อย่างภาคภูมิใจ ตัดสินใจหอบลูกมาประเทศศิวิไลซ์ เพื่ออนาคตของลูกตอนนี้ หงอยเหงา สิ้นหวัง เป็นคนต่างด้าว ท้าวต่างแดน แสนรำบากและด้อยโอกาสในประเทศเขา ความภูมิใจในความเป็นคนของเกศได้หมดสิ้นไป
เกศอยากฮึดสู้ แต่ตอนนี้เกศก็จำยอม เลือกเอาทางนี้ ให้ได้เงินสงเคราะห์ได้กินได้อยู่ เพราะเกศในต่างแดนและลูกไม่มีหนทางอื่นอีกแล้ว เพื่อความอยู่รอดคะ เกศต้องทำต้องกินเงินสงเคราะห์ ดีกว่าอดตาย รอก่อนนะโอกาส สักวันเกศจะทำให้ได้
เมื่อได้เงินสงเคราะห์นั่นมา กะว่าครอบครัวเราจะพอมีอยู่มีกิน มีเงินหมุนเพื่อจะได้มองหาช่องทางทำมาหากิน แต่พอเงินมาปุ๊บเขาก็เก็บเงินทั้งหมดปั๊บเลยคะ เกศไม่มีเงินแม้แต่เหรียญเดียว ของกินของอยากเขาก็ซื้อมาจำกัด กินพออดตาย ส่วนจะซื้อของใช้จำเป็นให้ลูกๆ เขาก็ไม่ให้ หากจำเป็นจริงๆเกศก็ต้องทะเลาะกับเขาก่อนกว่าจะได้มา
ชีวิตมาต่างแดนที่เต็มด้วยความหวัง แต่ตอนนี้ เกศรู้สึกหมดสิ้นแล้วความหวังในชีวิต ได้แต่เอ้อ!!! ได้แต่มอง ได้แต่ฝัน เราเป็นคนต่างด้าวจำเป็นต้องจำทน มันไม่มีที่ไป จริงๆ หมดสิ้นหนทาง ความทุกข์ของเกศในตอนนั้น ไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบได้คะ ความทระนงองอาจ ตอนนี้อ่อนเหมือนผักเฉาเลยคะ
เมื่อเวลาผ่านไป ตัวเกศเองก็อยากจะติดต่อกับทางบ้าน สามีเกศเขาก็ห้าม และส่วนเกศเองลึกๆในใจนั้นคิดถึงญาติๆ พ่อแม่ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะคุยจะบอกเรื่องอะไรกับญาติอีกด้วย เกศจะคุยอะไรละ จะบอกญาติว่าไงละ บอกว่าไง บอกว่าเกศและลูกถูกหลอกให้มาเหรอก็เกศสมัครใจที่จะมากับเขา ด้วยความฝันและหวังเพื่อลูก มาแล้วเป็นยังไงละตอนนี้ เพราะเกศไม่ได้ตรวจสอบเองในตอนนั้นก่อนที่จะไปจดทะเบียนกันและก่อนที่จะหอบลูกๆมา
จะบอกว่าชีวิตกำลังทุกข์ จนข้นแค้น ขัดสน ไม่มีงานทำไม่มีเงิน เหรอ ก็ไม่อยากบอก เพราะไม่อยากให้พ่อกับแม่คิดมากเป็นห่วงเกศและเป็นห่วงหลานมาก อีกอย่างทางบ้านก็ช่วยเราแม่ลูกไม่ได้ รังแต่จะให้เขาทุกข์ใจเป็นห่วง เกศเลยได้แต่เงียบไม่เถียงสามีเรื่องอยากโทรกลับบ้าน ได้แต่คิดในใจทุกวัน เพราะตอนนั้นที่เราเลือกมาคนทางบ้านของเกศเข้าใจว่าเรามีชีวิตดี และมีอนาคต
ชีวิตในตอนนั้น เกศไม่มีเพื่อน ส่วนเกศอยากจะคุยกับใคร สามีเกศเขาก็ห้าม เกศคิดว่าเพราะเขากลัวเราจะรู้มากและหนีเขาไป ตัวเขาเองไม่มีงานทำ กินเงินสงเคราะห์เหมือนกัน เขาจึงมีเวลาคุมเกศ24ชั่วโมง
คุณๆรู้ไหม!!! ถ้าเขาต้องการไปไหนคนเดียว เขาจะล็อคเกศไว้ในบ้าน และ เขาเก็บกุญแจบ้านเอง ไม่ให้เกศถือเลยคะ
# นี่แหละชีวิตเมืองนอกของเกศและลูก
ตอนที่ 6 ชีวิตที่สุดทน
ในขณะนั้นเขาบังคับไม่ให้เกศพูดไทยกับลูกจนลูกพูดไทยไม่ได้ มันก็อาจดีสำหรับลูกในการเรียนรู้ภาษาต่างแดน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดเราเป็นคนไทยเราต้องพูดไทยได้และรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีของไทยคะ และที่น่าสงสารหนักคือเราแม่ลูกไม่มีโอกาสได้กินอาหารไทยต่อไป เขาบอกอยู่ออสเตรเลียก็ต้องกินอาหารออสเตรเลีย นี่แหละชีวิตเกศในตอนนั้น
เกศต้องอดทนทุกอย่าง และสอนให้ลูกอดทนด้วย เพราะเราไปแล้ว เรายังไม่มีโอกาส และสิ่งที่เกศคิดอีกเพื่อให้ไม่เครียดมากคือ พยายามคิดและทำใจให้ยอมรับว่าเรามีกรรม แต่จิตก็ไม่ยอมรับ ได้แต่โศกเศร้า ซึมและร้องให้คนเดียวทุกวัน
เกศมีลูกกับเขาอีก 2 คนโดยไม่ได้วางแผนว่าจะมี เขาขู่เกศทุกวันว่าถ้าเกศหนีเขาไป เกศจะไม่ได้ลูกจะต้องเสียลูกให้เขาเพราะเขาเป็นคนออสเตรเลีย อยากจะหนีทุกวันแต่กลัวเสียลูกให้เขา จึงต้องจำทน ระหว่างที่อยู่ด้วยกัน เขาได้ใช้ชื่อเกศยืมเงินธนาคารซื้อรถและบัตรเครดิต เพราะเขาประวัติเสียยืมไม่ได้อีกแล้ว คนเราผัวเมียกัน ครอบครัวเดียวกัน เกศก็ยอมเพราะรถใช้ในครอบครัว แต่เขาไม่ให้ใช้คะ เขาใช้คนเดียว ต่อมาๆ หนี้ $50,000 และความอดทนมันมีขีดจำกัด
เกศตัดสินใจหอบลูกสี่คนหนี ไปตายเอาดาบหน้า โดยการติดต่อลับๆกับองค์กรช่วยเหลือของรัฐบาลออสเตรเลีย เกศและลูกต้องหลบอยู่เป็นปี กลัวเขาจะรู้ว่าอยู่ไหน เราหนีมาจริงๆ เพราะเราทุกคนไม่มีเอกสารใดๆ ดีที่องค์กรนั้นเข้าได้ช่วยเหลือเราห้าชีวิต เกศและลูกๆ เกศรอจนจิตใจเข้มแข็งขึ้น จึงหาทนายความขอหย่ากับเขา
ตอนที่ 7 อิสระของชีวิตในแดนเสรี
วันขึ้นศาลทางศาลเราได้ให้ข้อมูลแก่ทนายว่า เราได้รับการดูแลจากสามียังไง เขาบังคับควบคุมเรายังไง ให้เราอยู่เรากินยังไง เงินที่ได้มาสามีเอาไปทำอะไร ให้เรากับลูกมีชีวิตยังไง กักขังเราและลูก รวมทั้งยึดเอกสารหลักฐานต่างของเราไปหมด ทั้งยังข่มขู่ เรายังไง ทุกเรื่องทุกตอนแจ้งให้ทนายทราบอย่างละเอียด เอกสารการให้ข้อความกองใหญ่ ที่สำคัญคือ ให้ข้อมูลทุกอย่างที่ถูกกระทำมา เมื่อทนายได้แถลงการณ์ไปในศาลในวันนั้นอย่างละเอียดในชั้นศาล จนศาลกระจ่างเห็นการกระทำของเขาที่มีต่อเรา เกศและลูกๆ ทั้ง 5 คน ว่าเราไม่มีอิสระในชีวิตมากแค่ไหน อด ทน ทุกข์ จน เหมือนเราเป็นทาส ยังไง
ศาลบอกว่าเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างมากในการลิดรอนสิทธิของคนในประเทศเสรีออสเตรเลีย และทำให้ศาลสงสารเกศและลูกเพิ่มขึ้น
ศาลตัดสินในวันเดียวให้เกศได้ทั้งลูกและอิสรภาพ และได้ออกคำสั่งให้เขา นำเอกสารทุกอย่างมาคืนภายใน 7 วัน มิฉะนั้นเขาจะต้องจำคุกไปหลายปี แค่นั้นละ
“ชีวิตเราก็อิสระ”
แม่ทำได้แล้วลูก!!
แค่นี่แหละ เรากอดกันแน่น เกศกอดลูกน้ำตาไหลคะ เหมือนฝันจริงๆ เราเป็นอิสระจากนรกบนดินนี้แล้ว และเกศคิดในใจและตั้งหวังไว้ว่า เกศจะต้องทำให้ลูกๆมีอนาคตให้ได้ ด้วยสองมือของแม่ แม่ที่อยากทำเพื่อลูก กำลังภายในที่อัดอั้นมานาน วันนี้เราได้อิสระแล้ว
หลังจากหย่าแล้วเกศก็ตั้งต้นชีวิตใหม่กับลูก และได้ขอเป็นบุคคลล้มละลายจากหนี้สินที่เขาก่อให้ โดยไม่ต้องใช้หนี้ และเกศได้เปิดกิจการเย็บผ้าอีกครั้งในเมือง Mount Gambier ,South Australia ชื่อ Kathy's Sewing Service ได้ลงประกาศหางานทางหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เปิดทำงานที่บ้าน เย็บผ้าทั้งกลางวันและกลางคืน ดูแลลูกไปด้วย ถึงงานหนัก แต่เกศก็มีกำลังใจ มีสุข เพราะมีอิสระ ทำเอง หาเอง กินเองมีความภูมิใจในความเป็นคนและได้ดูแลลูกๆที่กำลังโต และน่ารัก งานหนักแต่แม่ก็สู้จ้า ตอนที่ 8 รักใหม่
เกศก็ทำมาหากินเอง ในร้าน จนในที่สุดก็ได้พบคุณ Tom Bland และ ภรรยาเขาเสียด้วยโรคมะเร็ง 9 ปีก่อน คุณทอม เขาเป็นลูกค้าร้านเย็บผ้าของเกศ เขามีกิจการโรงแรมและมีบ้านให้คนเช่าหลายแห่ง เมื่อพบกันได้พูดคุย พบว่าเรามีนิสัยที่คล้ายกันหลายอย่าง หลังจากที่เรารู้จักกันได้ 1 เดือนเขาขอเกศแต่งงาน แต่เกศไม่อยากแต่ง เพราะเบื่อชีวิตคู่ แต่งงานมา 2 รอบแล้วไม่เคยโชคดีเรื่องคู่ครอง ถึงเขาจะเป็นคนดีมากยอมรับลูก 4 คนของเกศ
ตอนนั้นเกศยังกลัวการแต่งงาน จึงขอหมั้นไว้ก่อน 2 ปีเพื่อความแน่ใจ หลังจาก 2 ปีเขาก็ขอแต่งอีก เกศเองไม่แน่ใจ จึงบอกเหตุผลเขาว่า เกศเป็นคนโชคไม่ดีในรักสามีคนแรกและคนที่สอง เขาดีมาก่อนแต่ง หลังจากแต่งแล้วเขาเปลี่ยนเป็นคนละคน เกศกลัวว่าเขาจะเปลี่ยน เกศถามตัวเองว่าเรามีลูก 4 คน และไม่มีสมบัติอะไรทำไมเขาต้องการแต่งงานด้วย จึงตัดสินใจถามว่าทำไมต้องการแต่งงานกับเกศ เขาตอบว่าเกศมีคุณสมบัติที่เขาต้องการในการเป็นคู่ครองไม่ใช่สมบัติ หรือเงินทอง เพราะเขามีพอ แล้ว
ปี 2000 เกศ อายุ 39 ในปีนั้น เป็นปีที่เกศและเขาแต่งงานกัน เกศได้ทำข้อตกลงก่อนแต่งงานกับเขาว่าห้ามไล่ออกจากบ้านเวลาทะเลาะกันเด็ดขาด เวลามีปัญหากัน ให้พูดคุยและแก้ปัญหากันไม่ให้ค้างคาในใจ ให้ไว้วางใจกัน นี่แหละเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเกศ ที่จะได้เป็นมาดามจริงๆซะที
หลังแต่งงานกัน เราไม่มีลูกด้วยกันแต่มีความสุขมากกว่าตอนมีลูก เขาไม่เคยพูดให้เกศเสียใจเกี่ยวกับเรื่องในอดีต ลูกๆเกศก็ยอมรับเขา เราเข้ากันได้ เขาเอาใจใส่เกศและลูกๆดีมาก การท่องเที่ยวก็ได้ไปบ่อยขึ้น มีโอกาสไปเที่ยวต่างประเทศกันทุกปี นี่แหละชีวิตคนเรา เวลามันจะดี อะไรๆก็ดี ไปหมด ทำอะไรก็ขึ้น ทำอะไรก็มีสุขและยังมีคนช่วยเหลืออีก สำคัญคือมีสามีดี และให้กำลังใจ พร้อมทั้งสนับสนุนเราด้วย
ตอนที่ 8 สาวเย็บผ้าคนนั้น
หลังจากแต่งงานเกศก็ยังเย็บผ้าเหมือนเดิม แต่เย็บกลางคืน รับงานกลางวันและทำงานในโรงแรมตอนกลางวันไปด้วยเป็นเวลา 10 ปี สามีเห็นทำงานหนักทั้งกลางวันและกลางคืน จึงขอร้องให้หยุดเย็บผ้าและมาบริหารงานโรงแรมเท่านั้น งานเย็บผ้าเป็นรายได้ของเกศที่เกศภูมิใจมากที่หาเงินได้เอง ด้วยน้ำพักน้ำแรง และเป็นงานที่ชอบจึงไม่อยากเลิก เขาก็ขอร้องแล้วขอร้องอีกให้หยุดเย็บผ้า เกศจึงบอกเขาว่าถ้าให้เกศเป็นเจ้าของด้วยและบริหารเองถึงจะยอมหยุดงาน
เขาเห็นเกศเป็นคนขยันขันแข็ง และมีความรับผิดชอบดีมาตลอด จึงยกให้เป็นผู้จัดการและมีส่วนร่วมในกิจการด้วย มอบความเป็นใหญ่ให้ดูแลกิจการทั้งหมดพร้อมทั้งการเงินด้วย เกศต้องทำงานหนักกว่าเดิมในโรงแรมเพราะเราคือเรา เราชอบทำงาน และเพื่อให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่เขาไว้วางใจและให้มา ให้คุ้มค่ากับที่สามีไว้ใจ และให้เกียรติภรรยาในการบริหารงาน
ความคิดความอ่านแต่ละคน ขึ้นกับประสบการณ์คะ เกศเคยเป็นช่างเย็บผ้า แต่ตอนนี้มาทำงานบริหารโรงแรม เกศได้เปลี่ยนระบบการบริหารใหม่ตามวิธีของเกศ และโดยได้ใช้ความรู้ตัดเย็บมาใช้ในโรงแรม โดยการตกแต่งแต่ละห้องในโรงแรมให้ดูสวยงามเหมือนบ้าน จนลูกค้าบอกว่าพักในโรงแรมเราเหมือนพักในบ้านเลย กิจการดีขึ้นทุกปี เราได้สร้างต่อเติม และซี้อบ้านให้คนเช่า จากเป็นธุรกิจเล็กๆเริ่มขยายใหญ่ขึ้น เราต้องจ้างพนักงานเพิ่ม ตอนนี้เรามีโรงแรมและบ้านให้เช่าอยู่ทั่วไปทั้งในเมือง Adelaide และ Mount Gambier SA ในตอนใต้ของออสเตรเลียคะ
ธุรกิจเป็นแบบครอบครัว ลูกๆทำงานที่อื่นแต่มาช่วยทุกวัน เราทำกันเอง ดิฉันบริหารกิจการโรงแรมได้เกือบ 4 ปี แล้วคะ กิจการดีขึ้นและเราขยายสร้างเพิ่มเติมและเราซื้อบ้านให้คนเช่า ตอนนี้มี 4 หลัง แล้วคะ เรื่องเทคโนโลยี ดิฉันไม่ค่อยเก่งแต่ลูกๆช่วยทั้งนั้น ลูกคนโตทำ Website ให้ คนต่อมาทำ facebook และอื่นๆดิฉันมีแต่ไอเดีย เท่านั้น ความฝันของดิฉันในอนาคต อยากทำเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ลองมาพักกับเรานะคะ โรงแรมคนไทยในออสซี่ค่ะ มี 14 ห้อง 4 unites เข้าไปดูในเว็ปไซต์ได้คะ หากเพื่อนๆคนไทยอยากมาเที่ยว ที่นี่ ให้สอบถามมาในอินบอกได้คะ www.mountviewmotel.com.au”
ตอนที่ 9 บทส่งท้าย
คุณรู้ไหม !!!
ชีวิตของคนเราไม่ใช่จะโชคร้าย ตลอด โอกาสดีๆจะมาถึงสักวัน เพราะความโชคร้ายในวันนั้น เพราะความทุกข์ใจ ความจนในวันนั้น เป็นอีกแรงกดดันหนึ่ง แรงบันดาลใจ เป็นกำลังอันมหาศาลให้เกศได้มายืนอยู่ตรงนี้ในวันนี้ ด้วยความภูมิใจในความสำเร็จ
ในชีวิตของเกศ เกศมีแรงกดดันและผลักดันที่ไม่เคยลืมและขอขอบคุณสิ่งเหล่านี้มาเสมอ ขอขอบคุณความโชคร้ายของเราที่ได้สามีออสซี่คนแรกที่หลอกล่อแต่งงานกับเกศ โดยที่ให้ความหวัง มาแล้วยังบังคับควบคุมขู่เข็ญ จนเกศและลูกทนไม่ได้ต้องหนีไปจนเจอชีวิตใหม่ที่ดีกว่า และต้องขอขอบคุณสามีคนแรกที่ทะเลาะกันทีไรก็ไล่เกศออกจากบ้าน มันทำให้เกศเสียใจมากจึงปฏิญาณกับตัวเองว่าจะต้องมีบ้านของตัวเอง และให้มีมากขึ้นจะได้ให้คนอื่นมีอยู่ได้ด้วย เมื่อมีบ้านเป็นของตนเองแล้ว ต่อไปนี้จะไม่มีคนมาไล่เราอีก
อยากจะบอกกับน้องๆและเพื่อนๆว่า เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เรายังเลือกที่จะเป็นได้ อย่าหมดหวังกับชีวิต ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา มันก็คือบทเรียนของชีวิต เมื่อเราผ่านมันไปได้เราจะเปลี่ยนเป็นคนที่เข้มแข็งที่สุด หากเราสู้ โอกาสจะมีมาให้เราเสมอ เมื่อมีโอกาสเราต้องทำ ความสำเร็จอยู่ในมือของคุณคะ
ด้วยความขอบคุณ
มาดามเกศ เกศรินทร์ แบลนด์ เจ้าของและผู้จัดการ Mount View Motel
ที่ Mount Gambier รัฐเซาท์ออสเตรเลีย
http://mountviewmotel.com.au/gallery/
https://www.facebook.com/kessarin.bland?fref=ufi
Comments