top of page

#ครั้งหนึ่ง เป็นเหตุการณ์ในด่านตรวจคนเข้าเมืองที่มาดามเออยากเล่า เพื่อสร้างความตระหนักและแนวทางที่

  • โดยมาดามเอ แดนกีวี่ นิวซีแลนด์ ๑ นิรนามเรียบเรียง
  • Jul 18, 2015
  • 1 min read

โดยเรื่องราวเหล่านี้ แอดมินไม่ได้มีการแต่งเติมประโยค หรือเหตุการณ์ใดๆ เพียงแต่เติมคำเชื่อมเพื่อให้สมาชิกอ่านเข้าใจง่ายมากขึ้น และลบสถานที่ที่แจ้งมาออกเพื่อไม่ให้มีการกระทบต่อใคร หลังอ่านแล้วหากมีข้อคิดเห็น หรือคำแนะนำใดๆโปรดเขียนลง เพื่อเป็นการเรียนรู้ร่วมกัน และอย่าพูดใดๆให้กระทบกัน คุณสามารถเล่าเหตุการณ์ของคุณได้อย่างสุภาพ และให้คำแนะนำกันอย่างสุภาพชนคะ

ตอนที่ 1 เหตุที่เกิด เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม2555 ค่ะ

ขณะนั้นเอสาวไทยในแดนอีสานเหนือ อายุ 30 กว่า เเละสามีชาวนิวซีแลนด์ เธอและสามีได้ไปแสตมป์วีซ่าที่ ฝั่งประเทศลาวและเธอได้เจอเหตุการณ์บางประการที่อยากเล่าให้สาวมาดามที่พาสามี หรือแฟนหนุ่มไปแสตมป์วีซ่า โปรดระมัดระวัง ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น

เอ เธอจำเรื่องราวในครั้งนั้นได้ดี เพราะเป็นช่วงที่เธอตั้งครรภ์ลูกคนแรกได้แปดเดือน และเป็นช่วงที่เธอมีความสุขในชีวิต เตรียมตัวที่จะเป็นแม่

เธอจะพาสามีไปแสตมป์วีซ่าที่ประเทศเพื่อนบ้านฝั่งลาว

วันนี้ เธอและสามีได้ไปต่อวีซ่าที่ประเทศลาว โดยเธอเองไม่มีรถขับและได้ไปเช่ารถขับ หลังได้รับรถยนต์เอกลับมานอนคุยกันสามีถามเอว่า

“พรุ่งนี้เธอไปลาวกับฉันด้วยนะ ถ้าเธอไปด้วยเราจะได้ซื้อเหล้าและบุหรี่มาฝากตากับพ่อได้เพิ่มขึ้น”

เอก็ตอบกลับไปว่า”ตกลงฉันไปด้วย”

และในวันต่อมา ทั้งสองตื่นแต่เช้าเตรียมตัวเดินทาง ไปแสตมป์วีซ่า

ตอนที่ 2 เหตุเกิดหลังแสตมป์

พอเราขับรถไปถึงจังหวัดชายแดน ก็ฝากรถไว้ที่จุดรับฝากรถเราก็เลยเดินต่อไปรอรถบัสเพื่อข้ามแดนไปยังฝั่งลาวยื่นพาสปอร์ตเสร็จสรรพ ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี

เมื่อถึงลาวเเฟนก็รีบทำธุระเรื่องวีซ่าของตนเองจนเสร็จสมบูรณ์เพราะเขากลัวเอเหนื่อยเพราะท้องแก่มากและเริ่มเดินลำบาก ร้อนก็ร้อน

เมื่อเสร็จธุระเราก็พากันเดินเลือกซื้อของฝากกลับบ้านเราซื้อเหล้ามา2ขวดเเละบุหรี่4เเพ็ค ตามโคว้ต้า 1 คน ถือได้ เหล้า 1 ขวด และบุหรี 2 แพ็ค เเละเรามีของจิปาถะนิดหน่อย หลังจากช็อปปิ้งเสร็จเราก็เตรียมตัวขึ้นรถบัสข้ามฝั่งกลับเมืองไทย

พอมาถึงด่านตรวจคนเข้าเมืองที่ไทยก็ผ่านไปได้ด้วยดี ตัวเอเองถือเหล้า 1ขวดเเละบุหรี่อีก2เเพ็คสามีก็ถือเช่นกันเพราะกฎหมายไทยระบุ ห้ามนำสินค้าเข้าในจำนวนที่จำกัดหากเกินจะต้องเสียภาษี หรือ ถูกปรับแล้วแต่กรณี

ความที่เป็นคนท้องแก่ สามีก็เอื้ออาทร โดยการช่วยถือบุหรี่และเหล้าที่จะเอามาฝากพ่อตา คะ

ตอนที่ 3 เหตุเกิดก่อนถึงด่าน

เราทั้งสองเดินผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ออกมาได้ไม่ถึง500เมตร สามีก็มาอาสาถือถุงเหล้าเเละบุหรี่ให้เมียเพราะกลัวเมียจะเหนื่อย

สักพักเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น!!!

มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดกับเราว่า”ขอดูพาสปอร์ตของสามีของเอ”

เอถามเขาไปว่า”คุณจะเอาไปอะไรฉัน คุณเป็นใครจึงจะมาขอดูพาสปอร์ตของเรา”

ผู้ชายคนนั้นบอกว่า “ผมชื่อ....บลาๆ มาจากกรมสรรพสามิตตรวจสอบของหนีภาษี” แต่เอไม่ได้ขอดูบัตรเขานะคะ

“ผมได้ถ่ายรูปสามีคุณไว้ เเล้วกรุณาขึ้นรถไปกับผมด้วยครับ”

เอและสามี ตกใจมากแต่ก็ขึ้นรถไปกับเขา เเต่โดยดีเเละเขาได้ยึดพาสปอร์ตสามีของเอไว้พอเขาขับรถมาถึงสำนักงานของเขา

เอเเละสามีลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในสำนักงานกรมสรรพสามิตของจังหวัดชายแดน เขาบอกให้เอเดินขึ้นไปชั้น3ของตึกกลับสามีพอมาถึงมีผู้ชายหลายคนเข้ามาพูดว่าสามีน้องถือเหล้าเเละบุหรี่เข้าไทยเกินกฎหมายที่กำหนดเอก็เถียงเขาไปว่า”เรามาสองคนเหล้าเเละบุหรี่อีกถุงหนึ่งเป็นของเอ แต่สามีช่วยถือเพราะเราท้องเเก่มาก เเล้ว”

เเละผู้ชายอีกคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า”ถ้าเหนื่อยมากทำไมตอนถือผ่่่านด่านถือมาได้ล่ะ”

เอ้าฮ่วย!!คิดในใจ ทำไมละก็มันของฉันนะ สามีฉัน คือจะมาพูดยังงี้ละ!!!

นี่ละนะมีสามีฝรั่ง ช่วยถือ ถ้ามีสามีไทยช่วยถือจะถ่ายรูปไว้ไหมเนี่ย!!!

ตอนที่ 4 ในสำนักงาน

พอผู้ชายคนั้นพูดเสร็จอีกคนก็เดินเข้ามาพูดกับสามีเอและเอว่า

“คุณต้องเสียค่าปรับเป็นจำนวนเงิน 19,200 บาท”

เอใจสั่น แค่บุหรี่ สองแพ็คและเหล้าอีกขวดหนึ่งนะค่าปรับมันสูงอะไรนักหนา

โอ้ย!!ปวดหัว

เเละเอเลยตอบไปว่า”ไม่มีเงินเสียค่าปรับหรอกจ้าเพราะมันเยอะเกิน”

ชายคนนั้นเขาก็เข้ามาพูดอีก”ลองโทรถามญาติดูว่าเขามีเงินไหม”

เอก็ตอบไปว่า”ไม่มีใครมีตังให้ยืมหรอก”

และแล้วผู้ชายคนเดิมก็พูดขึ้นว่า

”ผัวน้องทำผิดกฎหมายถ้าเขาไม่ยอมจ่ายก็ไปติดคุกเเละมีคดีอาจจะกลับมาเมืองไทยไม่ได้อีก”

เอได้แต่คิดในใจไม่ได้โต้ตอบ “ขู่เรานะเนี่ย”

หลังเขาพูดเสร็จสามีก็เลยถามเอขึ้นมาว่า”เอช่วยจดเอาชื่อของผู้ชายคนนี้ให้ผมหน่อย”

เอเลยหันหน้าไปถามผู้ชายคนนั้น”หนูขอชื่อจริงและรหัสข้าราชการของพี่หน่อยนะคะแฟนหนูอยากได้”

แค่เอถามเเค่นั้นชายคนนั้นก็พูดออกมาว่า “ไม่คงไม่คุยมันเเล้วฝรั่งเรื่องมาก”

เขาก็ไม่ยอมบอกชื่อแล้วเดินหนีไปอีกห้อง ผู้ชายคนใหม่ก็เข้ามาเกลี่ยกล่อมเราบอกเราว่า

“เอาอย่างนี้นะน้องพี่จะช่วยถ้าน้องจ่ายเงินตรงนี้พี่จะช่วยให้เหลือเเค่14000น้องโอเคมั้ย”

เอหันหน้ามาปรึกษากับสามีและสามีบอกว่า

“ฉันไม่จ่ายเพราะคนพวกนั้นจะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง”

สามีของเอ พูดเสียงดังและโวยวายขึ้น”ฉันต้องการล่ามและตำรวจจะไม่ยอมเซ็นเอกสารใดๆทั้งนั้น”

สามีโมโหเหตุการณ์และคนที่มาพูดมากๆส่วนเอก็โมโหมากช่นกัน

สามีพูดขึ้นอีกว่า”พวกเธอจะจับฉันกรุณาพูดภาษาอังกฤษได้ไหมฉันไม่เข้าใจฉันทำอะไรผิด”

“ฉันก็เเค่ฉันถือถุงบุหรี่และเหล้าให้เมียมันผิดมากเหรอเพราะเราก็ทำตามกฎหมายไม่ได้นำเข้ามาเกินจำนวนที่จำกัด”และผู้ชายคนนั้นก็พูดขึ้นมาว่า”ผัวน้องผิดที่ถือของคนเดียวเเละของอยู่ที่ใครถือว่าเป็นของคนนั้นต้องรับผิดชอบและผิดกฏหมาย”

และเอก็เลยพูดขึ้นว่า....”โอ้ย! พวกเจ้าจะแม่นเป็นฮ่ายเนาะ เเค่ถือของให้เมียกะสิได้เสียเงินเทิ่งสิติดคุก ซุมเจ้ากะใจฮ้ายคักเนาะถ้าเป็นเมียเจ้าท้องเเก่เจ้ากะสิเฮ็ดเเบบนี้คือกันล่ะ...คือใจฮ้ายแท้ พวกคุณก็เกินไปอีหลีเนาะ”

ซึ่งเอได้ต่อว่าคนที่มาพูดว่า สามีแค่ถือของให้ภรรยาท้องแก่ ก็จะได้เสียเงินและติดคุกด้วยเหรอ หากเป็นคุณก็คงทำเช่นกัน ทำไมพวกคุณๆใจร้ายจัง มันเกินไปแล้ว

ตอนที่ 5 ตกลงกันไม่ได้

นั่งคุยสักพักเขาก็เข้ามาพูดเอ้าถ้าไม่อยากจ่ายก็จัดเต็มเลยก็เเล้วกันอยากไปโรงพักก็จะพาไปสักพักเอกับสามีก็นั่งรถไปที่สถานีตำรวจชายแดน และและนั่งรอร้อยเวรจากนั้นเจ้าหน้าที่ของพลเมืองกรมสรรพสามิตก็ยื่นพาสปอร์ตของสามีและส่งเอกสารเเสดงว่าสามีเอมีความผิดอะไรเเละเรานั่งรอประมาณ 1ชั่วโมงและก็ถึงคิวสามีบอกกับตำรวจว่าฉันต้องการล่ามจะไม่ยอมเซ็นเอกสารใดๆหรือเสียค่าปรับใดๆทั้งนั้น

หลังจากนั้นตำรวจได้โทรติดตามล่ามมาเขาบิกรอประมาณครึ่งชั่วโมงและระหว่างรอนั้นเอเองก็มีภาวะเครียดมาก จนส่งผลถึงลูกในท้องของเอ เอมีอาการท้องแข็งท้องปั้น ปวดท้องท้องเเข็งเป็นพักๆและเอเป็นห่วงลูกมาก และวันนี้ลูกก็นิ่งๆลูกไม่ดิ้นเเรงเหมือนทุกวัน

ส่วนสามีนั้นก็พูดปลอบใจเราไม่เป็นไรหรอก นะ อย่าเครียดมาก เดี๋ยวทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี พอสักพักล่ามสาวก็มาถึงเเละเข้าคุยกับตำรวจเเล้วก็มาคุยกับสามีถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นพอล่ามสาวถามสามีเสร็จสรรพ เธอก็เลยบอกฉันขอโทรถามหัวหน้าของฉันก่อนนะเพราะยังไม่เคยเจอกรณีแบบนี้เลย

ฉันรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับเธอมากพอพูดเสร็จล่ามสาวก็ได้โทรคุยกับหัวของเธอที่เป็นฝรั่งของเธอพูดว่าไม่เคยเจอเคสเเบบนี้เลยนี้เป็นครั้งเเรกพอล่ามสาวคุยจบก็หันมาถามตำรวจ

พอล่ามสาวคุยกับตำรวจจบก็อธิบายให้สามีฟังว่าตามกฎหมายแล้วถ้าหากของกลางอยู่กับใครผู้นั้นถือว่าผิดสามีฟังล่ามสาวพูดและตำรวจบอกว่าถ้าอยากสู้คดีต้องมีเงินมาประกันตัว 20, 000บาท และรอสู้คดีที่ศาลแต่ถ้าไม่อยากสู้คดีก็ต้องเสียค่าปรับ19,200 บาท

ตอนที่ 6 ยอมเสียเงินเพื่อเราเพื่อลูก

เเละตอนนั้นเวลาก็บ่ายเเก่ๆสามีและเอนั่งปรึกษากันสักพักสามีบอกฉันอยากจะสู้คดีแต่นี้เธอจะกลับบ้านยังไงรถเธอก็ขับไม่เป็นเเถมท้องเเก่อีกเอพูดขึ้นไม่เป็นไรที่รักฉันจะอยู่โรงพักกับเธอฉันไม่กลับหรอกฉันเป็นห่วงเธอพอคุยกันเสร็จสามีนั่งคิดสักพักแล้วก็พูดขึ้นว่าที่รักฉันจะเสียค่าปรับก็ได้เพราะฉันเป็นห่วงเธอกับลูกในท้องเพราะเธอใกล้จะคลอดเเล้วฉันกลัวจะไม่ปลอดภัย

เพราะเอมีปัญหาการตั้งครรภ์ครั้งนี้ของเอนั้น คือมีภาวะรถเกาะต่ำไม่สามารถคลอดธรรมชาติได้ เพราะจะเป็นอันตรายต่อลูกและเอ ทางที่ทำได้คือเอต้องผ่าคลอดอย่างเดียว เพราะถ้าคลอดตามธรรมชาติโอกาสเสี่ยงสูง

สามีพูดเสร็จ เอก็น้ำตาคลอซึ้งที่สามีห่วงใยเอและลูก

หลังจากนั้นสามีก็ได้เซ็นเอกสารที่สถานีตำรวจแต่สามีเซ็นกำกับไว้ว่าข้อกล่าวหาทั้งหมดไม่เป็นความจริงและเป็นภาษาไทยเขาอ่านไม่ออกและไม่เข้าใจพอเซ็นเสร็จเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิตก็พาเราเเละสามไปกดเงินเพื่อจะเสียค่าปรับและกลับไปที่กรมสรรพสามิตที่เดิมเราเดินไปจ่ายค่าปรับเป็นจำนวนเงิน19,200 บาท เเละเจ้าหน้าที่เลยพูดขึ้นว่าทีหน้าทีหลังก็อย่าซื้อมาเยอะเราก็เลยสวนกลับทันทีคงจะไม่มาอีกเเล้วเเหละลาวกลัวเสียเงิน20,000 บาท แบบไม่ใช่เหตุผิดจริง

พอพูดจบทุกคนในห้องนั้นก็หันมามองหน้าเราด้วยสายตาที่ไม่พึงพอใจ

ส่วนตัวเอเองคิดอยากให้คนที่มาทำกับเอและสามีได้เจอเหตุการณ์อย่างที่ฝนเจอบ้าง เพราะมันไม่ยุติธรรมกับเราเลย เราทำตามกฎหมาย ซื้อมาตามโคว้ตา ผ่านการตรวจสอบของด่านแล้ว และสามีช่วยถือมันมีความผิดร้ายแรงอะไร

มันไม่เป็นธรรมกับเรา

ตอนที่ 7 บทส่งท้าย

พอจ่ายค่าปรับเสร็จก็มีคนขับรถจากสำนักงาน ได้มีน้ำใจขับรถมาส่งที่เราจอดรถไว้และเขาก็พูดขึ้นว่าพี่เข้าใจน้องนะว่ามันไม่เเฟร์กับน้องเเละสามีน้อง

แต่พี่ก็ช่วยอะไรไม่ได้พี่ทำตามหน้าที่...

โอ้ย!!! เอคิดในใจตบหัวเเล้ว ยังมาทำลูบหลังอีก

หลังจากนั้นสามีพาขับรถกลับบ้านข้าวก็ไม่กินน้ำก็ไม่ดื่มเพราะโมโหเกียดคนพวกนั้นมากสามีปลอบใจตามเคยที่รักหิวข้าวไหมฉันจะพาเธอไปกินข้าวเธอไม่กินอะไรทั้งวันเลยลูกจะหิวนะสามีพูด

เราก็นั่งหน้าเครียด และนั่งบ่นเงินเกือบ20,000 บาท ที่เราอดออมไว้เพื่อที่จะเอาไว้ใช้ตอนคลอดและซื้อของใช้ที่จำเป็นต้องเอามาเสียค่าปรับ กับเหล้าขวด บุหรี่สองแพ็คที่เกินนั้น

เงินนั้นเราสามารถซื้อของให้ลูกได้ตั้งเยอะแยะฉันเสียดายมากสามีพูดขึ้นไม่เป็นไรหรอกที่รักถือว่าฟาดเคราะห์ถือว่าเคราะห์ร้ายไป ให้เคราะห็ตกกับคนเอาเงินเราไป สามีพูดปลอบใจตลอดทางที่เราขับรถกลับบ้าน

บทส่งท้าย:

ที่เออยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะว่าจะได้เป็นความรู้สำหรับมาดามทุกท่าน... เป็นเพราะการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของเอเเละสามีเกือบจะทำให้สามีติดคุกเเละเสียเงินฟรี เป็นเพราะสามีหวังดีอยากซื้อบุหรี่กับเหล้าไปฝากพ่อตาเเละญาติๆของเอ จนทำให้เกิดเรื่ิ่องขึ้น..

ขอย้ำสักหน่อยค่ะว่าถ้าซื้อเหล้าหรือบุหรี่ข้ามฝั่งมาควรเก็บใส่กระเป๋าเดินทางอย่างมิดชิดและซื้อตามที่กฎหมายกำหนดไว้หวังว่าเรื่องราวของเอจะเป็นประโยชน์กับพี่ๆเพื่อนมาดามทุกท่านค่ะและขอขอบคุณแอดมินที่ให้พื้นที่เเชร์ประสบการณ์ #ย้ำค่ะว่าเรื่องจริง

เรื่องเล่าจากมาดาม...กีวี่..นิวซีแลนด์ค่ะ


 
 
 

Comments


คลิกดูเรื่องน่าอ่าน
Tag Cloud

ขออภัยกำลังอยู่ใน

ขั้นตอนทำเวปเพจคะ

 ThaiMadam's story

© 2014 by The Book of  Lover "Thai madamstory" Proudly created with Wix.com

  • Facebook B&W
  • Twitter B&W
  • Google+ B&W
bottom of page