top of page

Holiday girlfriend ตอน#มาดามRose เรื่องเล่าของมาดามโรส ที่ตามฝันอย่างหลายๆคน ที่อยากมีแฟนเป็นฝรั่

  • มาดามRose นิรนามเรียบเรียง
  • Jul 18, 2015
  • 1 min read

ตอนที่ 1 Holiday g/f

โรสนับว่าเป็นคนโชคดีมากๆในตอนนั้นเนื่องจากมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่เด็กๆอยากเป็นมาดามหลังจากเรียนจบมัธยมปลายก็มาทำงานโรงงานแถวนวนครและก็เรียนเสาร์ - อาทิตย์จนจบป.ตรีทำงานมาก็หลายปีเริ่มเบื่อหน่ายเลยมองหา

ความฝันของตัวเองสมัครเว็ปหาคู่ Thailovelink ก็มีคนมาสนใจมาจีบเยอะแยะภาษาเราก็งูปลาๆได้แต่ภาษาเขียนภาษาพูดไม่ค่อยได้เพราะเราแค่จำมาจากครูสอนในห้องเรียนหลายๆคนที่มาจีบก็บอกจะมาหาที่เมืองไทยแต่เราก็ปฎิเสธที่จะพบเขาเหล่านั่นเพราะเรากลัวจะได้เป็นแค่ Holiday g/f แค่อยากจะคุยไปเรื่อยๆก่อนแลกเปลี่ยนภาษาจนวันหนึ่งมีหนุ่มวัย 43 ปีตอนปี 2553 เข้ามาทักบอกว่าอยู่ฮังการีผมหยิกนิดหน่อยชวนเราเปิด MSN คุยเราก็เปิดพอเห็นหน้าเราก็จำได้ว่าหมอนี่เราลบออกไปตั้งแต่มาแสดงความสนใจเราแล้วนี่นาเพราะเราไม่ชอบไม่ใช่สเปคแถมมีเรือพ่วงตั้งสามลำ(เราไม่ใช่นางงามรักเด็ก)

แต่ทำไมตาหัวหยิกนี่มาเป็นเพื่อนเราใน MSN ได้หว่าแต่ตอนนั้นเราก็คุยตามมารยาทหลังจากคุยตาผมหยิกหัวฟู(ในสายตาเราตอนนั้น) ไม่ได้คิดอะไรจริงจังคะ

ตอนที่ 2 เขาตามจีบจัง

หนุ่มก็จะโทรหาตลอดทุกๆวันๆละสองสามครั้งจากคนที่ไม่ชอบและไม่เคยมีเพศตรงข้ามมาให้ความสนใจก็เริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังไม่รักคุยกันทุกๆวันจนทำให้เรารู้สึกไม่กลัวคุยกันได้ 3 เดือนแกก็นัดเจอที่เมืองไทย (เร็วเนาะ) เราก็โอเคเพราะแกบอกอยากเจอครอบครัววันแรกที่เราไปสนามบินครั้งแรกในชีวิตตื่นเต้นเพราะฝรั่งเต็มเลยไม่ได้ตื่นเต้นมารับหนุ่มที่คุยไว้นะเรากับหลานๆยืนมองเข็มนาฬิกาบ่ายสองแล้วยังไม่เห็นโผล่อีกคิดว่าคงโดนหลอกแล้วหล่ะภายในสนามบินเรามองเห็นผู้หญิงไทยมารับแฟนเขาเยอะแยะพอเขาเจอหน้ากันเขาก็กระโดดจุ๊บๆกันตายหล่ะ

ถ้าเราเจอตาคนนี้เราจะทำไงหว้าไม่เคยจุ๊บผู้ชายหน้าไหนเลยอายหลานสองคนด้วยเลยถามหลานๆว่าถ้าน้าเจอเขาต้องทำยังไงต้องจุ๊บเหมือนคนอื่นไหม (สาวเหลือน้อยวัย 39 ปี )ถามหลานๆตอนนั้นหลานๆก็หัวเราะให้คำตอบไม่ได้เราคิดว่าประเพณีฝรั่งเขาคงจูบกันเพราะเห็นสาวไทยที่มารับแฟนทำกันเยอะเลยบอกหลานๆว่าถ้าน้าทำเหมือนเขาเหล่านั้นห้ามหัวเราะนะน้าอายหลังจากรอนานแล้วกำลังชวนหลานกลับหลานสาวก็มาสะกิดบอกน้าโรสๆมาแล้วคนนั้นหนูจำได้

แต่เราจำไม่ได้ (หลานเคยเห็นในแคมค่ะ) เราก็มองๆหนุ่มหัวหยิกที่เราเคยเห็นกกำลังเดินมาทางพวกเราใจเต้นนิดแว้บแรกที่เห็นก็ไม่เปคพี่แกใส่เสื้อลายสีน้ำเงินแขนยาวกางเกงสีน้ำตาลใส่อีแตะ 55555 เนื่องจากรองเท้ามันกัดพี่แกบอกตอนหลังเรานี่คิดในใจแต่งตัวได้บ้านนอกมากพอแกเดินมาถึงตัวเราก็เป็นฝ่ายรีบจุ๊บเขาก่อนเลยพี่แกก็ต๊กใจหัวใจพองโตที่มีสาวสวย (ในสายตาแก) มาจุ๊บแกๆบอกตอนหลังแล้วเราก็กลับที่พักแฟลตเราเองเดี๋ยวมาต่อให้ค่ะ..

หลังจากรับแฟนที่สนามบินแล้วกลับแฟลตค่ะ

พอเราถึงแฟลตเก็บกระเป๋าแล้วเราก็ไปหาพี่สาวที่ขายอาหารอยู่ในนิคมไฮเทคกันวันนั้นพี่สาวโชว์ฝีมืออาหารไทยให้ฝรั่งชิมเต็มที่กินไปคุยไปส่วนมากจะภาษามือคุยกันถูกคอแต่ไม่รู้เข้าใจกันหรือเปล่า

พอสี่ทุ่มเราก็ขอตัวกลับแฟลตถึงแฟลตหลานสาวบอกว่าจะขอตัวกลับรามแต่เราขอร้องให้นอนเป็นเพื่อนกันก่อนตกลงคืนนั้นเราก็นอนด้วยกันสามคนห้องรวมพอรุ่งเช้าเราแพลนกันว่าจะไปหาพี่ชายที่เพชรบุรีเนื่องจากเมืองเพชรไม่ไกลจากกรุงเทพก่อนออกเดินทางเราเลยพาฝรั่งไปที่ทำงานของเราที่บริษัทเราไปลาออกเพราะลาพักร้อนไม่ได้แต่พ่อหนุ่มหัวฟูนี่ต้องอยู่สองอาทิตย์เราเลยตัดสินใจ

“ลาออก” ไม่ใช่จะหาคนมาได้ง่ายๆ คุยจนเขามาแล้วไม่เลือกไปกับเขาได้ไง

หลังจากร่ำลาเพื่อนๆร่วมงานแล้วเราก็ขึ้นรถมุ่งหน้าไปเพชรบุรีเที่ยวนี้หลานสาวติดเรียนไปด้วยไม่ได้เราจึงหอบพี่สาวและหลานชายมาด้วยให้ขับรถให้นั่งรถไปเราก็คิดต่างๆนาๆกลัวพี่ชายรับไม่ได้พี่ชายจะต้อนรับหนุ่มตาน้ำข้าวแบบมิตรหรือแบบศัตรูแกไม่ชอบต่างชาติความคิดหยุดกึกเมื่อรถวิ่งมาจอดที่สถานีตำรวจทางหลวงเพชรบุรีทุกคนลงจากรถทักทายพี่สะใภ้ทุกคนถามหาพี่ชายพี่สะใภ้บอกว่าแกทำงานและสั่งไว้ว่าถ้าเรามาถึงให้เข้าไปพบด้วย

เราจึงชวนหนุ่มหัวฟูไปเพื่อที่จะได้ทำความรู้จักทั้งๆที่ในใจลึกๆหวั่นไหวพอเราสองคนไปหยุดอยู่หน้าห้องทำงานแกเราค่อยแง้มประตูมองหาพี่ชายเห็นแกยืนกอดอกท่าทาง “ซีเรียส”

โชคดีจัง ภายในห้องทำงานไม่มีใครนอกจากแกเราเลยยกมือไหว้แกรับไหว้แต่ไม่มองหน้าเราเริ่มใจไม่ดีเราบอกหนุ่มหัวฟูไหว้นี่พี่ชายฉัน

พี่ฟูแกก็ไหว้พร้อมพูดว่า “สวัสดีครับ.

OMG!!!!!! พี่ชายเราไม่รับไหว้และไม่มองหน้าพี่ฟูหน้าเสีย

เราจึงรีบชวนแกออกมาข้างนอกพี่ชายตะโกนตามหลังมาว่าจะไปเที่ยวไหนกันขากลับแวะมาหาด้วยมีเรื่องคุยด้วยบอกพี่ว่าจะขับรถไปเรื่อยๆลงทางประจวบเสร็จแล้วบอกพี่สาวพี่สะใภ้ขึ้นรถเราห้าคนขับไปเรื่อยๆหาที่พักในที่สุดเราก็ได้ที่พักแถวๆอ่าวมะนาวเราจองสองห้อง

คืนนั้นเราห้าคนก็ไปดิสโก้เทคแถวนั้นดื่มและเต้นกันอย่างสนุกสนานจนดิสโก้ปิดก็กลับที่พักถึงที่พักทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องเหลือเราคนเดียวแล้วเราจะไปนอนห้องไหนดีหล่ะ

นี่เพื่อความปลอดภัยเราเลยเดินตามพี่สะใภ้และพี่สาวเข้าห้องพอทุกคนเห็นเราทำท่าตกใจยังกะเห็นพี่ทุกคนถามเราว่ามาทำไมเอ้าก็มานอนนะซิพี่สะใภ้บอกว่าไม่ได้ๆให้ไปนอนกับพี่ฟูโน้นคนจะเป็นแฟนกันต้องนอนด้วยกันจะได้ทำความรู้จักกันเราบอกว่าถ้านอนกับเขาแล้ว ”โดนข่มขื่นหล่ะมันจะเสียตัวฟรีๆ” หากเขาไม่รับผิดชอบนะพี่สะใภ้ก็ยัดเหยียดเราให้เขาเหลือเกินบอกว่าคิดจะเป็นแฟนฝรั่งต้องเสี่ยงกล้าได้กล้าเสีย เสี่ยงๆๆๆๆๆ

ตอนที่ 4 เสร็จฝรั่งแน่ๆ!!!

เมื่อไม่มีใครอยากให้เรานอนด้วยเราจึงไปเคาะห้องพี่ฟูแกเดินมาเปิดประตูแล้วแกก็เดินไปนอน

เราก็ยืนเก้ๆกังๆเขาคงเห็นเรายืนเซ่อเลยบอกให้ไปอาบน้ำเรายอมทำตามทั้งอาบทั้งกลัวคิดในใจ

“คืนนี้เสร็จแน่ๆเลย!!!!! เพราะเป็นคืนแรกที่จะได้อยู่สองต่อสอง”

อาบน้ำถ่วงเวลาอยู่นานพอออกมาพี่ฟูหลับแล้วสงสัยจะเพลียและเมาแน่ๆเลยเราจึงค่อยๆย่องไปนอนข้างๆนอนไม่หลับทั้งคืนได้แต่นอนขดตัวอยู่ข้างเขาไม่กล้าขยับกลัวเขาตื่นแต่พี่ฟูแกก็ดีไม่ลวนลามหลับแบบไม่สนใจ

รอดอีกหนึ่งคืนตื่นเช้ามาพี่สาวพี่สะใภ้และหลานชายนั่งรอที่โต๊ะอาหารแล้วพอเราเดินไปทุกคนก็ถามเราว่าเสียตัวหรือยังเราตอบยังทุกคนก็

“ห๊า!!!!” พร้อมๆกันเราก็ยืนยันว่ายังพี่สะใภ้พูดว่าผิดปกติหรือเปล่าหรือเขาเป็นเกย์5555

พี่ๆเราอ่านกินฝรั่ง ซะอีก ฝรั่งไม่กินเรา 555

หลังจากคืนนั้นทุกคนก็ค้างคาใจว่าเราสองคนผิดปกติเมื่อทุกคนกินข้าวเช้ากันอิ่มแล้วเราจะต้องกลับเข้ากรุงเทพเพราะที่มาเมืองเพชรแค่จะมาแนะนำให้พี่ฟูรู้จักพี่ชาย

เราแพลนจะไปพัทยาต่อเพราะพี่ฟูมาแค่สองอาทิตย์

เมื่อถึงบ้านพีชายอีกครั้งแกก็เปิดศึกสงครามก่อนเลยแกถามว่าเมื่อคืนไปนอนที่ไหนยังไงกันโรสไปนอนกับไอ้หมอนี่มาแล้วใช่ไหมพี่สาวพี่สะใภ้ก็ยืนยันว่านอนด้วยกันแกก็ไม่เชื่อด่าเราด่าพี่ฟู

ส่วนพี่สาวพี่สะใภ้คนส่งเสริมโรสก็กลัวระเบิดเลยเลี่ยงๆตัวหนีไป

แต่ใช่ว่าทุกคนจะรอดแกด่าเรียงตัวเลยทีเดียวเราอายมากที่สุดคืออายพี่ฟูนี่แหล่ะนีหรือคือการต้อนรับของพี่เรานี่หรือที่ฝรั่งเคยเข้าใจว่าเมืองไทยคือเมืองสยามแห่งรอยยิ้มตอนนี้มันมีแต่หน้ายักษ์ใส่กันแบบจะกินเลือดกินเนื้อ

เรานั่งร้องไห้พี่ฟูกอดเอวเราพร้อมปลอบว่าไม่ให้เสียใจถึงฉันจะฟังไม่รู้เรื่องแต่ฉันว่าต้นเหตุต้องมาจากฉันแน่นอนฉันเสียใจนะเรานี่ร้องหนักเลย

ส่วนพี่ชายด่าเสร็จแกก็ขับรถออกไปเลยในใจเราคิดว่าอีตาฝรั่งโดนด่าแบบนี้คงไปแล้วไปลับไปไม่กลับมาแน่ๆ รู้จักกันแค่ครั้งแรกก็ทำสงครามกันซะแล้ว

ตอนที่ 5 โอ้น้อ!!!

บอกเราว่าฉันไม่เข้าใจที่เขาพูดแต่ฉันรู้ว่าเขาไม่ชอบฉันๆไม่ได้ทำอะไรผิดฉันไม่เข้าใจทำไมเขาตัดสินคนด้วยเชื้อชาติทำไมเขาคิดว่าฉันเป็นฝรั่งต้องเลวหรือจะเอาเธอไปขายวันนั้นทุกคนนั่งรถกลับกรุงเทพด้วยความเงียบเหงานึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านมาเหมือนระเบิดลงเพราะพี่แกด่าๆแล้วก็ขับรถออกจากบ้านไปเลยหลังจากที่นั่งเงียบกันมานานก่อนถึงแฟลตพี่สาวก็พูดขึ้นว่าชีวิตเป็นของเราอยู่มาก็แก่แล้วพี่ชายเขาก็แค่ห่วงใยแต่เขาก็ต้องเลี้ยงครอบครัวเขาเราต้องตัดสินใจแล้วนะว่าจะเอาไงกับชีวิตคืนนั้นถึงแฟลตเราก็ให้พี่สาวนอนกับเราที่แฟลตเพราะไม่อยากอยู่ตามลำพังสองต่อสองกับตาฝรั่งนี่ยิ่งพี่ชายเข้าใจผิดคิดว่าเราสองคนได้เสียกันแล้วยิ่งเครียดหนักเลยส่วนอีตาฝรั่งก็คิดเหมือนกันเหมือนว่าเป็นเพราะตัวเองทึ่ทำให้พี่น้องเขาทะเลาะกันคืนนั้นต่างคนก็ต่างนอนคิดและก็ผ่านไปอีกคืนรุ่งเช้าพี่สาวบอกเราว่าให้เราสองคนไปพัทยากันเองแกต้องไปขายของขอให้ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันจริงๆสองคนสักทีเผื่อเราจะคิดได้เมื่อเราจะต้องเลือกและใครๆก็ไม่ว่างที่จะไปไหนๆกับเราได้แล้วเราก็ตัดสินใจไปพัทยาพาไปเสร็จ555 ถึงพัทยาเราพักโรงแรมในวอคกิ้งและเราก็ไปดิสโก้เทคกันเราดื่มได้แค่สปายไปสองสามขวดก็มึนๆแล้วแต่ก็ต่อกันจนดึกและกลับที่พักเมื่ออยู่ในห้องสองต่อสองบวกกับความใกล้ชิดกันและกันแล้วอีกทั้งนึกถึงคำที่พี่ชายคิดว่าเราได้เสียกันแล้วคืนนี้เราเลยได้เสียกันจรืงๆเราอยู่พัทยาอาทิตย์หนึ่งแล้วเขาก็กลับพร้อมคำสัญญาที่จะมาแต่งงานและพาเราไปอยู่ด้วยดึกแล้วเอาแค่นี้ก่อนค่ะมีรูปพี่ชายเจ้าระเบียบวินัยให้ดูด้วย

ตอนที่ 6 และเราก็แต่งงานกัน

ตอนงานแต่งที่ไร้เงาพี่ชาย......หลังจากที่ว่าที่สามีกลับประเทศเขาไปแล้วเราก็ว่างเพราะลาออกจากงานช่วงที่พาเขาไปเที่ยวอยู่ว่างๆไม่มีไรทำในระหว่างรอเขาเลยไปเรียนนวดและไปช่วยพี่สาวขายอาหารพี่ชายรู้เรื่องว่าเราไปเรียนนวดก็บ่นอีกว่าคิดจะเป็นเมียฝรั่งก็แย่อยู่แล้วนี่จะมาเป็นหมอนวดอีกงานการดีๆไม่มีจะทำแล้วเหรอแต่เราไม่สนใจเพราะพี่สาวให้กำลังใจดีหมอนวดไม่ได้เป็นอย่างที่ทุกคนคิดช่วงนั้นเราก็โทรคุยกับว่าที่สามีตลอดทั้ง MSN ทุกวันก่อนครบสามเดือนเราก็เรียนจบและเขาก็บินมาหาทำเอกสารมาแต่งงานพี่ชายไม่เคยถามสักคำว่าจะจัดงานยังไงทำยังไงเพราะเราไม่มีใครเลยพ่อแม่ตายหมดแล้วมีเสาหลักแค่พี่ชายกับพี่สาวแต่ในเมื่อพี่ชายไม่อยากได้น้องเขยฝรั่งเราก็เหลือแต่พี่สาวเท่านั้นก่อนแต่งงานพี่ชอบจะถามแค่ว่ามึงคงไม่เอาเงินตัวเองมาแต่งตัวเองนะมันโอนตังค์ใส่บัญชีให้มึงแล้วเหรอจัดงานใครออกตังค์ให้มึงเงินมันหรือเงินมึงเราเตรียมตัวจัดงานภายในสองอาทิตย์ตัวเราเองอยู่กรุงเทพเราโทรให้เพื่อนสมัยเรียนด้วยกันหาโต๊ะจีนหาอะไรให้หมดเพื่อนก็แสนดีช่วยเป็นธุระให้เมื่อวันงานมาถึงทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างเรียบง่ายเราเชิญแค่ไม่เยอะโต๊ะจีน 20 โต๊ะเพราะพี่สาวบอกว่าไม่มีพ่อแม่แล้วไม่ต้องเชิญเยอะเราไม่รู้จักใครหลังจากแต่งงานเราเข้ามากรุงเทพจดทะเบียนและเดินเอกสารกันเพื่อที่จะไปฮังการีรูปงานแต่ง

ตอนที่ 7 สามีของโรส

วันที่จดทะเบียนเราเพิ่งรู้ว่าสามีตกงานเอาแล้วสิงานนี้ชีวิตมาดามรึหมาดำละเนี่ยเพราะอยู่ที่โรงงานเพื่อนๆก็ชอบเรียกเราว่าหมาดำอยู่แต่เอกสารทุกอย่างก็ผ่านก่อนบินพี่ชายบอกว่าไม่ได้ไปส่งนะแต่ขอให้โชคดีถ้าเขาตบตีก็ขอให้กลับมาบ้านเราเมื่อทุกอย่างพร้อมบินเดือนกุมภาวันที่ 10 ปี 2554 เราบินด้วยสายการบินอียิปแอร์พักเครื่องที่อิยิปร์และเยอรมันช่วงนั้นอียิปร์กำลังมีปัญหาและก็ไปต่อไปจนถึงฮังการีเราไม่ได้ตื่นเต้นเลยสักนิดที่ได้ขึ้นเครื่องครั้งแรกวิ่งตามตูดสามีตลอดในใจสับสนกลัวเหมือนที่พี่ชายพูดว่าเขาจะแต่งเรามาขายหรือเปล่าเพราะรู้จักกันแค่สามเดือนเองเราเฝ้าบอกสามีตลอดว่าอย่าขายฉันนะๆเขาก็รับปาก

เมื่อมาถึงบูดาเปสฮังการีเรานั่งรถไฟต่อไปอีกที่ชานเมืองเล็กๆก็มีผู้ชายแก่คนหนึ่งมารอรับเราที่ป้ายรถไฟสามีแนะนำว่าพ่อเขาตอนนั้นก็สามทุ่มแล้วเราก็ไหว้แต่ในใจคิดว่าจะขายเราให้คนนี้รึเปล่าน๊าเราก็ขึ้นรถและนั่งรถลุ้นไปเรื่อยๆผ่านบ้านหลังเล็กหลังใหญ่เราก็ลุ้นว่าจะพาเราเข้าบ้านหลังไหนน้อ(นิสัยคนไทยคิดว่าฝรั่งรวยอิอิ)สองข้างทางที่มืดๆก็พอมองเห็นว่ามีหิมะจากแสงไฟที่สาดส่องมาเป็นระยะๆระหว่างนั่งในรถสองคนพ่อลูกก็คุยภาษาดัชท์กันตลอด(สามีคนฮอลแลนด์ค่ะ)แต่ไปซื้อบ้านอยู่ฮังการีเราก็ฟังเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยคิดแต่เขาคุยกันเรื่องจะเอาเราขายให้ใครดีนะเราคิดแบบนั้นจริงๆ

ตอนที่ 8 Ohh! My God!!

นั่งมาสักครึ่งชั่วโมงหมดเมืองแล้วอ้าวไม่มีบ้านหลังไหนเลยเหรอใหญ่ๆในเมืองที่จะให้เราอยู่อิอิความคิดหยุดลงเมื่อรถเลี้ยวเข้าซอยเปลี่ยวๆไม่มีบ้านคนเลยในใจเราคิดตายๆๆๆๆแน่

มันจะเป็นเรื่องจริงที่พี่ชายเราคิดแล้วใช่ไหมแล้วรถก็มาจอดที่บ้านหลังหนึ่งเรามองเห็นแสงไฟลอดออกมาจากบ้านเล็กในป่าใหญ่สองข้างทางเป็นป่าไม่มีบ้านคนเลยไม่มีภูเขาหน่ะที่ฮังการีเป็นทุ่งราบกว้างขวางสองหนุ่มเชิญเราเข้าบ้านเราเข้าไปในบ้านมองเห็นผู้หญิงแก่ร่างท้วมเซสวัสดีเราเป็นภาษาดัชท์และเชิญเรานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารเรามองดูรอบๆบ้านแกวางข้าวของไม่เป็นระเบียบมีหมาสองตัวและแมวอีกสี่ตัวเดินกันเพ่นพล่านเรารักสัตว์นะแต่เราก็ว่ามันเยอะเกินและมันรกสกปรกแต่ความหิวเพราะสี่ทุ่มแล้วเราก็ก้มหน้าก้มตากินซุปกับหนมปังแบบเลี่ยงไม่ได้ตอนนั้นเราต้องการข้าวสักถ้วยคงจะทำให้เราอิ่มน่าดูหลังจากอิ่มเราก็เริ่มคลายความกลัวลง

คิดว่านี่คงเปฺ็นครอบครัวของสามีจริงๆแล้วบ้านสามีหล่ะหรือเขาอยู่กับพ่อแม่

OMG!!!!! ถ้าเราต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับพ่อปู่แม่ย่าเราคงอยู่ไม่ได้แน่ๆคิดสงสัยและเก็บไว้ในใจแล้วสามีก็พูดว่าเราจะไปบ้านของเราฮ่าๆๆมีลุ้นอีกแล้วบ้านของเราจะเป็นยังไงน้อเดี๋ยวจะต่อให้จบนะค่ะงานนี้มีลุ้นแต่ตอนนี้ขอตัวทำมาหากินก่อนจ้า

ตอนที่ 9 ฮังการี

วันนั้นหลังเยี่ยมพ่อแม่

เมื่อได้เวลาอันควรที่จะแยกย้ายกลับบ้านเพราะดูนาฬิกาแล้วก็ห้าทุ่มเราสองคนเลยลาพ่อแม่สามีกลับบ้านคืนนั้นเดือนหงายนั่งรถไปเราก็มองข้างทางมีแต่หิมะช่วงกุมภาที่ฮังการีหิมะยกตกหลงเหลืออยู่ประปรายเห็นกระต่ายน้อยใหญ่ออกหากินนานๆทีจะเจอกวางบ้างโอ้นี่มันบ้านป่าชัดๆเราคิดถึงเมืองไทยอยากกลับบ้านขึ้นมาทันที

พอถึงบ้านหนึ่งกลางป่าสามีก็ขับรถเลี้ยวเข้าไปมีหลังเดียวจริงๆรอบๆบ้านมีแต่ป่าก้าวแรกที่สามีเรียกเราลงรถและพูดว่ายินดีต้อนรับถึงบ้านเราแล้วน้ำตาหมาดำไหลเลยเราเดินตามหลังเขาเข้าไปไม่มองหน้าเขาเลยเขาพาเข้าห้องนอนและบอกให้เราเอากระเป๋าไปเก็บ

คืนนั้นเรานอนไม่อาบน้ำทั้งหนาวทั้งเหนื่อยและเราก็ไม่พูดอะไรกับสามีสักคำเราคิดถึงบ้านคิดถึงเมืองไทยคิดถึงพี่ชายมากๆฉันจะอยู่ได้อย่างไรนี่บ้านป่าฉันไม่ชอบชีวิตฉันตั้งแต่เรียนจบมาก็ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงตลอดวันหยุดได้เที่ยวห้างเดินช้อปปิ้งซื้อเสื้อผ้านี่ขนาดความมืดปกคลุมเรายังรู้สึกว่าไม่ชอบที่นี่รอให้สว่างก่อนแล้วกันมันจะเป็นยังไงพอรุ่งเช้าเราตื่นแต่ตีห้านอนไม่หลับหิวข้าวจะหาอะไรกินก็ไม่มีไรมีแต่อาหารฝรั่งทำไม่เป็นกินก็ไม่เป็นเจอหนมปังกินรองท้องก่อนพอ

ตอนที่ 10 วันแรกที่ฮังการี

สายๆหน่อยสามีตื่นมาก็ทักทายและถามว่าเธอชอบที่นี่ไหมเราตอบอย่างเร็วเลยว่าฉันไม่ชอบเขาก็หน้าเสียเหมือนผิดหวังในตัวเราที่เราไม่ชอบบ้านที่เขาหวังว่ามันจะเป็นที่อยู่ของเราสองคนสำหรับการเริ่มต้นเขาบอกว่าเดี๋ยวฉันจะพาเธอเดินดูรอบๆบ้านนะเผื่อเธอชอบเพราะฉันชอบที่นี่มากมันเงียบสงบดีเราสองคนออกมานอกบ้านก็เจอหิมะขาวโพลนเต็มไปหมดเขาก็พาเดินและชี้บอกเราว่าที่ดินของฉันมีทั้งหมด 10 เอเคอร์หลังบ้านก็ปลูกผลไม้ลูกแพร์ลูกแอ๊ปเปิ้ล ผลไม้กินนะมันเยอะแยะเต็มไปหมด ทางสามีพูดว่า

“ฉันชอบบ้านเป็นฟาร์มแบบนี้ฉันไม่อยากอยู่ที่ฮอลแลนด์เพราะฉันอยากมาใช้ชีวิตแบบสงบที่นี่เริ่มต้นใหม่กับเธอที่นี่จะมีเพียงเราสองคน”

นี่แหละสามีก็พูดไปเรื่อยๆแบบภาคภูมิใจในสิ่งที่เขามีแล้วเราก็สวนไปว่า

“เราไม่ชอบที่นี่ฉันชอบในเมืองฉันไม่ชอบอยู่ในป่าแบบนี้”

เขาบอกว่า”เธอทำให้ฉันผิดหวังมากๆฉันนึกว่าเธอจะชอบแบบนี้เหมือนฉัน”

“ฮือๆๆ!!”ในใจของเราเป็นแบบนี้

สามีมีม้าอยู่ตัวหนึ่งแมวหนึ่งตัวและหมาหนึ่งตัวทุกๆวันเราจะวิ่งเล่นกับสัตว์พวกนี้เพราะไม่มีเพื่อนนอกจากเพื่อนออนไลน์ตอนเช้ามาเราก็วิ่งลงสวนมีหมากับแมววิ่งตามอาทิตย์นึงเราจะเข้าในเมืองครั้งหนึ่งซึ่งก็อยู่ไม่ไกลมากนักแต่ทางออกจากบ้านของเราๆว่ามันเหมือนทางเกวียนที่พ่อเราเคยพาไปนายังไงยังงั้นเลย

ตอนที่ 11 อาหารการกิน

อยู่ที่นี่เงียบเหงาหาอาหารไทยกินก็ไม่มีสามวันแรกข้าวไม่เคยตกถึงท้องเลยเพราะสามีไม่กินข้าวกินมันและหนมปังเราเจอหนมปังเขาเราก็เอามากินเล่นๆหมดทั้งถุงมันก็ไม่อิ่ม กินเท่าไหวก็เบาทองวาบๆๆ ไม่อุ่นท้องเหมือกินข้าวบ้านเราเลย

ของกินของเขาจะเป็นมันฝรั่งต้ม เขากินแทนข้าว คงเหมือนบ้านเรากินหัวเผือกหัวมันแหละ กินเวลาไม่มีข้าวกินมันก็อิ่มแต่ไม่อุ่นท้อง

ที่บ้านสามีเขาก็มีฝรั่ง ที่เขาไว้ทำกิน แทนข้าว ต้มๆๆและบดๆ

ทางมาดามใหม่ ก็เอามาต้มใส่น้ำตาลกิน

หิวของเปรี้ยวเราก็วิ่งลงสวนไปเก็บแอ๊ปเปิ้ลมากินแทนมะม่วง

คิดถึงหมากม่วงที่เมืองไทยมาก

คิดถึงส้มตำกินวันละสามครั้ง อย่างอร่อย

คิดถึงคำพูดหลายอย่างของพี่ชายด้วยแหละ

วันหนึ่งเราถามสามีว่าตั้งแต่ฉันมาอยู่ฉันยังไม่ได้กินข้าวเลยบ้านเธอมีข้าวขายไหมเธอกินข้าวกันไหมเขาบอกว่านานๆกินข้าวทีอาจเดือนละครั้งแต่ข้าวมีขายในซุปเปอร์เดี๋ยวพาไปซื้อดีใจจะได้กินข้าวพอได้ข้าวมาก็ไม่มีหม้อหุงข้าวทำไง

หล่ะความหิวเจอหม้อก็เอามาหุงเตาแก๊สแต่ทำไม่เป็นไม่เคยหุงข้าวไม่เช็ดน้ำ มีแต่หุงหม้อไฟฟ้า และวันนี้ได้ข้าวมาก็ได้กินข้าวต้ม แทนข้าวสวย

เฮอ!!!ดีกว่าไม่ได้กิน

ตอนที่ 12 ชีวิตมาดาม

เอ้อ!!! ชีวิตเราแต่ก็ยังดีที่ได้กินข้าวเราใช้ชีวิตอยู่ที่นั้นในแต่ละอาทิตย์ก็จะไปว่ายน้ำไปบ้านพ่อกะแม่เขาเข้าเมืองไปดูผู้คนบ้าง บางครั้งกลับมาถึงบ้านก็เล่นกับหมากับแมวตามเดิมตอนออกข้างนอกหน้าบ้านพอเขาจะพากลับอารมณ์ไม่อยากกลับหน้าหงอย เนื่องจากสามีตกงานก็ใช้เงินเก่าที่มีก็ต้องประหยัดบ้าง ถึงอยู่ในป่าแต่ใช่ว่าจะหาของกินได้คือบ้านเรานะคะ ไม่มีคะ

บางทีเขาต้องบินมาฮอลแลนด์บ่อยๆเพื่อมาหาลูกๆเขาถ้าเขามาฮอลแลนด์เราต้องไปนอนกับปู่ย่าเมื่อเราคิดว่าถ้าเป็นอยู่แบบนี้เราจะกลับไทยแน่ๆเราจึงพูดกับเขาว่าให้ไปหางานทำที่ฮอลแลนด์ฉันไม่สามารถที่จะอยู่แบบนี้ได้และฉันก็ไม่ชอบที่นี่ถ้าเธอไม่ไปฉันจะกลับไปอยู่ไทยช่วยพี่สาวขายอาหาร

เขาบอกเขาห่วงม้าเขาใครจะดูแลถ้าต้องไปเราเลยยื่นคำขาดให้เลือกเอาถ้าไม่ไปเธอก็อยู่ที่นี่แต่ฉันจะกลับเมืองไทยเขาเลยตอบตกลงเราจะไปอยู่ฮอลแลนด์กันแต่ฉันจะเก็บทุกอย่างไว้ที่นี่เพราะฉันชอบที่นี่มากฉันจะยังไม่ขายเราจะเก็บไว้มาฮอลิเดย์กันฉันจะขายแต่ม้าเพราะจะให้พ่อดูแลแกคงไม่เอาเพราะเขาไม่อยากมีภาระ

เราจึงขายม้าให้คนฮังการีไปและหอบหมาหอบแมวเข้ามาฮอลแลนด์เราอยู่ที่ฮังการีหกเดือนเข้ามาฮอลแลนด์เดือนสิงหาปี 2554 และใช้ชีวิตทุกวันนี้ที่ฮอลแลนด์เราจะไปฮังการีก็ต่อเมื่อฮอลิเดย์กันเท่านั้น

นี่แหล่ะค่ะบทหนึ่งของชีวิต การได้เป็นมาดามของโรส โดยการติดต่อผ่านแชทผ่านอินเตอร์เน็ตถ้าศึกษากันมาน้อยก็อาจเป็นเหมือนเราดีหน่อยที่เราได้เป็น Holiday G/F ตัวจริงเขาไม่ฟันแล้วทิ้งไปเรื่องนี้จริงที่ไม่มีอิงแอบทุกฉากทุกตอนไม่มีเสริมเติมแต่งเปิดเผยที่นี่ที่เดียวไม่เคยเปิดที่ไหนมาก่อนอิอิ(เหมือนรายการอะไรสักอย่าง)เรามีภาพบรรยากาศฮังการมาให้ดูด้วยค่ะ

https://www.facebook.com/rose.zoomers?fref=ufi


 
 
 

Comments


คลิกดูเรื่องน่าอ่าน
Tag Cloud

ขออภัยกำลังอยู่ใน

ขั้นตอนทำเวปเพจคะ

 ThaiMadam's story

© 2014 by The Book of  Lover "Thai madamstory" Proudly created with Wix.com

  • Facebook B&W
  • Twitter B&W
  • Google+ B&W
bottom of page