สามีหนูเป็นฝรั่งหม่อง(1/2) โดย นิรนามNaan
- madamthaithai
- Jan 10, 2015
- 6 min read
ตอนที่ 1 บทนำ
เรื่องราวชีวิตมาดาม “เมียหม่อง” เป็นเรื่องราวอิงจริงของสาวอีสานคนหนึ่ง ที่ขาดแม่ตั้งแต่ยังเล็กๆ โดย แม่ของเธอเสียชีวิต ดังนั้น พ่อจึงลูกสาว สองคนเพียงลำพัง ครอบครัวทำนาหาเลี้ยงชีพตามปกติ “ยากจน” เงินทอง แต่มีกินและมีน้ำใจ
ในหมู่บ้านที่มีคนไม่มากนักออกไปทำมาหากินในเมือง หรือนอกหมู่บ้านดังนั้นแนวคิดในการดำเนินชีวิตสมัยนั้นจึงยังยึดหลักชีวิตเดิมๆตามที่ถูกสั่งสอนมาคือ
”ผัวเดียว เมียเดียว”
เหตุนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อ15 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้ ไม่ได้เกิดมานานเลย ผู้เล่าให้ผู้เขียนฟังเป็นบุคคลที่ใกล้ชิด เนื่องจากทำงานในที่เดียวกัน และเธอรัก “มาดามเมียหม่อง”คนนี้มาก เพราะ ดวงใจ เป็นสาวหน้าตาผ่องใส วัย 16-17 ในครั้งที่เธอเริ่มมาทำงาน เธอบอกผู้เขียนว่า
“ดวงใจเป็นเด็กดี”
หน้าตาสวย รูปร่างสันทัด เป็นเด็กสาวที่มีความ ขยันขันแข็ง ทำงานในหน้าที่เก่ง ไม่เกี่ยงงอน เรียนรู้ได้เร็ว ทำงานได้คล่องทุกเรื่อง รวมทั้งเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือคน ไม่ชอบทะเลาะเบาะแวง ดังเช่นวัยรุ่นทั่วไป จนเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป มองดูแล้วเธอน่าจะรุ่ง มีอนาคตที่ดี และเธอรักดวงใจเสมือนน้องสาวและเสมือนญาติ
ดวงใจทำงานในร้านอาหารย่านราไวย์ ที่ภูเก็ต เธอมีโอกาสเยอะแยะที่จะเลือกฝรั่ง ตาสีฟ้า หล่อ สูง ขาว มีเงิน มีโอกาสได้ไปเมืองนอก หากขยันทำงานอย่างที่เธอเป็น ชีวิตเธอน่าจะรุ่งมีเงิน มีโอกาสในชีวิตแน่นอน แต่ทำไมเธอไม่เลือก ทำไมเธอเลือก”หม่อง” ตัวเตี้ยผิวคลำ ผอม ออกจะอัปลักษณ์ มาเป็นผัว
โอ้ย!!!!! ผู้เขียนและผู้เล่าซักปวดหัวและปวดใจ
“ทำไม ทำไม และทำไม”
มาติดตามเรื่องราวของเธอ
“นางสาวดวงใจ ไทยแท้และหนุ่มเทียน หลานบุเรงนอง หม่องหนุ่มจากพม่าแท้”
ตอนที่ 2 ดวงใจไปทำงาน
ครอบครัวของดวงใจในหมู่บ้าน เธอ พ่อ พี่สาว พี่เขยและหลานน้าอีกหนึ่งคน หากจะเรียนตามประสาชาวบ้านจะบอกว่า เธออาศัยอยู่กับครอบครัวพี่สาว ซึ่งอายุห่างกัน 4-5 ปี และตอนนี้พี่สาวของเธอได้แต่งงาน เพื่อจะมีใครมาช่วยพอทำมาหากิน ทำนา ทำสวนช่วยกันเลี้ยงครอบครัว
หลังจบชั้นปอหก ดวงใจอยู่บ้านเลี้ยงหลาน ให้ พ่อ พี่สาวและพี่เขยไปทำงาน
ชีวิตของดวงใจช่วงนี้ไม่มีอะไรตื่นเต้น หรือน่าสนใจ อยู่แบบ
”บ้านๆ”
ทำงานบ้าน ดูแลหลาน ตักน้ำ ทำความสะอาดบ้าน ทำเสร็จ ฟังวิทยุ ฟังเพลง ฟังละคร และร้องเพลงตาม ช่วงนั้น หมู่บ้านเธอมีไฟฟ้าเขาไม่นาน แต่ด้วยครอบครัวไม่ได้รำรวย มีเพียงพออยู่พอกินจึงไม่มีทีวี ถึงฤดูเทศกาลไปเที่ยวดูหนังกลางแปลง หรือดีสุดๆคือไปเที่ยวงานกาชาด
นี่แหละชีวิต”ดวงใจ”สาวบ้านนากำพร้าแม่ แต่มีพี่สาวและพ่อดูแลสั่งสอนเธอทำให้เธอมีความขันหมั่นเพียร เรียนรู้
เพราะเธอไม่มีโอกาสได้เรียนเหมือนเพื่อนๆ
เธอเคยคิดเสมอ อยากไปเรียนเหมือนเพื่อน ที่เขาปั่นจักรยานผ่านหน้าบ้าน หรือขึ้นรถประจำทางไปโรงเรียนเป็นประจำ
“สักวัน ดวงใจจะเรียน”
หลังจากไม่ได้เรียน 3-4 ปี ดวงใจเริ่มเป็นสาวแรกรุ่น ผิวขาว หน้าตาดี และเป็นคนขยัน จนเป็นที่เล่าลือของคนแถวหมู่บ้านว่า “ดวงใจสาวน้อยกำพร้าแม่แต่ขยันทำงาน และเป็นคนมีน้ำใจ ช่วยพี่สาวดูแลหลานน้อย”
จึงมีคนมาสอบถาม หากเธออยากทำงานที่ภูเก็ต ซึ่งมีสาวในหมู่บ้านไปทำงาน มีสามีฝรั่ง และมีร้านอาหารเป็นของตัวเอง เธออยากมีคนช่วยในช่วง”ไฮซีซั่น” หากทำงานดีจะให้อยู่ด้วยเลย ส่วนที่พัก ที่กินมีให้ เรียบร้อย รับรองความปลอดภัย เงินเดือนออกมามีแต่เบกับเบ อาจได้เงินทิปด้วยนะ ฝรั่งเยอะ อาจมีโอกาสได้สามีฝรั่งหล่อรวยด้วย
ฮ้วย! พูดเรื่องมีเงินเป็นของตัวเอง ความฝันอยากเรียนหนังสือของดวงใจต้องเป็นจริงแน่
ทุกวันนี้ไม่มีเงินในมือเลย หากมีเทศกาลงานบุญพี่สาวให้ไปเที่ยวกับเพื่อนครั้งละห้าบาทสิบบาทนี่บุญแล้ว
“เงินเดือนเท่าไหร่”
“3000ต่อเดือน ทำดีมีทิป เขาเอาทิปมาแบ่งกันร่วมเงินเดือนแล้วไม่ต่ำกว่า 5000บางเดือน 7000 โน้น”
“ค่าเดินทางจะออกให้ ไม่ต้องห่วง” เจ้าของร้านบอกมา
“ฝันที่เป็นจริง!!!!!!”
ดังนั้น พอและพี่สาวจึงอนุญาตให้ดวงใจ สาว 16 ไปทำงานที่ภูเก็ต พร้อมกับเพื่อนรุ่นพี่ ”นี”อายุ 18 อีกหนึ่งคน ซึ่งพ่อแม่ของเพื่อนหวังที่ลูกสาวหาเงินให้แม่ได้กินได้อยู่ดีขึ้น และหวังเลยๆๆๆๆไปว่าอาจได้”ผัวฝรั่ง”รวยมาเป็นของแถม
นี่ไม่ใช่เรืองฝันจะไปให้ถึงสวรรค์กับบรรลูน แต่มันน่าจะเป็นฝันเป็นจริงไปกับจรวด”นาซ่า”
ตอนที่ 3 ภูเก็ต แดนสวรรค์
คนที่มาสอบถามพาเธอไปทำงาน นั้นถือโอกาสได้ไปเที่ยวภูเก็ตเช่นกัน สาวสามคนร่วมกันเดินทางมุ่งหน้าสู่ภูเก็ต
แดนสวรรค์ของคนฝันอยากมีสามีฝรั่งและอยากหางานทำ ตัวเป้าหมายจริงๆคือ”เงินและความสุข”
ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะไปถึงฝันไหม!!!!
“พี่สาวอยากให้ไปเพื่ออนาคตนะน้องนะ เขาเป็นไทบ้านเรา เขาคงไม่หรอกหรอก มีคนหลายคนไป กลับมา เพราะเขาไม่สู้งาน ให้น้องสู้นะและเอาความดสู้ไปนะ“
นั่นแหละคือคำพี่สาวของดวงใจที่ ดวงใจรักเธอเสมือนแม่ เธอดีและห่วงใยดวงใจเสมอ
“พี่มีเงินทั้งกระเป๋า 200 เอาไปติดตัว ทำตัวให้ดีๆให้นายเขารักนะขยัน ซื่อสัตย์ เขาจะรักเราจะดูแลเราเอง อย่ามือสั้นมือยาวนะ อย่าเป็นคนขี้ขะโมย มันจะเสียอนาคต อยากได้อะไรเบเงินซื้อ อยากเรียนเบเงินเรียนนะน้องนะ พี่รักน้องมากนะ ”
“คะพี่ดวงใจจะทำตามที่พี่บอก”
ด้วยความเป็นเด็กที่ไม่เคยออกจากหมู่บ้านไปไกล ของดวงใจและเพื่อนสาว ทำให้ตื่นเต้นนอนไม่หลับ
เป็นครั้งแรกที่ได้จับเงิน200บาท เธอไม่รู้จะเบเงินไว้ทที่ไหนที่จะไม่หาย
เบไว้ในกระเป๋ากางเกง และใช้หนังยางรัดอีกรอบ
“ปลอดภัย!!!”
เธออกจากหมู่บ้านบ่ายเพื่อเข้าไปนั่งรถบัสจากจังหวัดในตอนเย็นทั้งคืน ลงกรุงเทพในตอนเช้า และต่อไปถึงภูเก็ตในวันนั้นถึงที่พักใกล้จะเที่ยงคืนของอีกวัน รวมแล้ว 34ชั่วโมงในการเดินทาง พอหัวถึงหมอนในบ้านพักเธอหลับสนิท
ในช่วงเดินทาง”นง”สาวพี่เลี้ยงผู้นำส่งเด็กทำงาน
” สอน สอน สอน”
“หนูหนู!! ออกจากบ้านเราแล้วนะ โตแล้ว จะต้องขยันทำงาน เรียนรู้ให้มาก ทำอะไรได้ให้ทำ เราเรียนรู้มาก เรามีโอกาสมาก”
“พูด พูด พูด” ตลอดเส้นทาง
เธอสอนนั่นสอนนี้ บอกนั้นบอกนี้ ทางมาทางไป ทุกอย่าง 36 ชั่วโมง
แล้วดวงใจกับนีจะพูดว่ายังไงละ “ค่ะ ค่ะ ค่ะ” แคนั้นแหละที่หญิงคนนั้นอยากได้ยิน
แต่สายตาของดวงใจไม่ได้หนีออกจากหน้าต่างรถเลย เธอมองออกไปดูนั่นนี่ตลอดเส้นทาง
เธอไม่นอน ไม่หลับ ตื่นเต้น !!!
ดวงจับดูเงินในกระเป๋าเป็นพักๆ
คิดนั้นคิดนี่คิดเรื่องเงิน โรงเรียน และหากมีเงิน ดวงใจจะส่งมาให้พี่สาวและพ่อ
นีหลับเป็นระยะ!!
ส่วนค่ากิน ค่าดื่มนันคงนำส่งได้จ่ายให้ทั้งหมด
เฮอ!!!!!สู้โว้ยดวงใจ
ตอนที่ 4 เช้านี้ที่ภูเก็ต
“ตื่นๆเด็กๆ”
ตีห้าครึ่ง ดีปลุกสองสาวให้ตื่น ทำไมถึงปลุกละ เราพึ่งนอนกันเที่ยงคืนเอง ขอนอนต่อนะ
“ไม่ๆ พวกหนูๆต้องตื่น เราไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ภูเก็ตกัน เพื่อความมีมงคลในชีวิต”
นงบอก ดวงและนีเอาน้ำลูบๆหน้า ให้สาวๆใส่เสื้อยืดและกางเกงขาสั้น เพราะไปทะเล ต้องลุยน้ำนิดหน่อย เดินเล่นชายหาดตอนเช้า ไม่มีคนชายหาดสวยมากๆ
“เร็วๆนะเด็กๆเดี๋ยวไม่ทันพระอาทิตย์ขึ้น”
พี่นง เธอกำชับอีกครั้ง
“เราไปถ่ายรูปด้วยกัน เบไว้เป็นความทรงจำกัน”
ทั้งสามเดินออกมาจากบ้านพัก 40 เมตร มองเห็นชายหาดว่างเปล่า ยาวโค้ง มีท่าเรือด้วย และมองออกไปทางทะเลเห็นเกาะหนึ่งห่างๆ ไม่มีคนเลย มีเรือเล็กในทะเล 2-3 ลำ พอดีสวย
ดอกอาทิตย์ค่อยๆโผล่ขึ้น แดงงามมากๆ และค่อยๆๆจ้าขึ้นเป็นแสงปกติอย่างที่ ดวงใจเคยเห็น
ดวงใจคิดในตอนนั้น ดวงอาทิตย์ที่ภูเก็ต สวยมาก งามมาก ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์ที่ไหนสวยเท่าที่นี่เลย
ไม่เคยเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นแดงโตอย่างนี้มาก่อน ค่อยๆๆลอยขึ้น
“’งามแท้”
ดวงใจสูดหายใจเข้าปอดลึกๆโล่งๆๆ อากาศสะอาดจริงๆ
“ชีวิตใหม่”
“ขอให้หนูๆขยันและมีชีวิตส่องสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ที่ขึ้นในเช้านี้นะ” พี่นงบอก
เป็นครั้งแรกที่ดวงใจเห็นทะเลจริง
“สวยมาก “ ทั้งสาม เดินไป หาหอย ถ่ายรูปบ้าง เล่นน้ำแตะน้ำ สนุกมากๆ!!!
ฮ่าๆ อิๆ อะเห้อๆๆ!!!
ความสุข เมื่อได้มาทะเล
“ถ่ายรูปๆๆ ยิ้มๆ เด็กๆ”
“ดวงใจต้องฝึกยิ้มนะ นีนะยิ้มสวยดีแล้ว ”
“เราต้องฝึกยิ้ม หากยิ้มไม่เป็นไม่สวย ให้ฝึกยิ้มในกระจกที่ห้องน้ำ “
”หากเราทำงานในร้านอาหาร เรายิ้มๆเขาจะได้ให้ทิปเยอะๆ”
พี่นงสอน จิ๊บๆ หยุบหยิบ นั่นนี้ตลอด แล้วดวงใจจะ ยิ้มยังไงละไม่เคยยิ้มมีแต่หัวเราะ
“อะเฮอๆๆๆ”
งานแรกของดวงใจคือ ”ฝึกยิ้ม”
ตอนที่ 5 น้ำทะเลเค็มไหม
หากทรายยาวไปทั้งสองข้างทางซ้ายมองไกลเห็นสะพานยาวลงไปในทะเลและโค้งไป เขาเรียกทางโน้นว่าไปทางอ่าวฉลอง
และอีกด้านหนึ่งไม่ไกลมากมีภูเขาและมีบ้านพัก โรงแรม พี่นงบอกพี่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร หากมีเงินไปนอนได้ และเพื่อนๆของแฟนเจ้าของร้านนะเขาเช่าอยู่ที่นั้น บ้างมีเมียคนไทย มีบ้าน พี่นงหัวงจะให้เด็กๆมี”ผัวฝรั่ง”รวยๆเหมือนกัน
“เด็กๆต้องดูนะ หากจะหาผัวฝรั่งนะเลือกให้ดีๆนะ หนูๆได้ดีๆแล้วพี่นงจะมาเยี่ยม”
“คะพี่นงมาเยี่ยมหนูนะ ”
“อย่าเอาที่ไม่ทำงานทำการ เป็นฝรั่งไม่มีกินนะ ระวังดีๆหล่อๆนะอาจไม่มีงานทำได้ พวกเธอจะลำบาก “
แต่หากเราไปทางนี้ขึ้นเนินนั้นไขเรียกแหลมพรหมเทพที่ มีภาพสวยๆในหนังสือนิตยสารการท่องเที่ยวและหากใครๆมาต้องไปอธิฐานเพื่อขอพรกับองค์เทพที่แหลมพรหมเทพนะ จะสมหวัง
ทั้งสาม เดินไปทางด้านแหลมพรหมเทพ
หกโมงเช้ายังไม่มีใครเลย โล่งสบาย
“ทะเลคืองามเท้” อะไรตื่นตาตื่นใจ ชีวิต สิ่งแวดล้อมใหม่ ทั้งกระโดทั้งวิ่งกับนี้และแตะน้ำทะเลใส่กันหน่อยๆ
“อย่าๆเด็กๆ วันใหม่ค่อยเล็นวันนี้ถ่ายรูปสวยๆก่อน ยิ้มๆๆ”
“ดวงใจอยากไป” สายตามุ่งมั่น
“นีอยากไปด้วย”สายตามุ่งมั่นกว่า
“แล้วจะอธิษฐานอะไร” พี่นงถาม
“นีอยากได้แฟนฝรั่ง หล่อๆรวยๆคะ”
“ดวงใจ อยากมีเงินเยอะๆ อยากเรียนหนังสือ และจะส่งเงินไปให้พี่สาวด้วย ถ้าได้แฟนฝรั่งกะคือจะดี อิอิ”
“เอ้อ!!! ขยันๆเดี๋ยวได้เอง เราเดินไปไม่ได้ วันใหม่ให้พี่พี่นกเจ้าของร้านพาไป”
เดินไปทางด้านแหลมพรหมเทพ
หกโมงเช้ายังไม่มีใครเลย โล่งสบาย
“ทะเลคืองามเท้ อยากให้พี่สาวมาเห็น อีพ่อด้วย” ดวงใจตระโกนดังออกไปทางทะเล
“นีคิดถึงแม่อยากให้แม่มาเห็นคือกัน”
“อะเฮอๆๆ อิอิ คริคริ”
ความสุขของสาวน้อย ไร้เดียงสาว สาวขึ้นใหม่ทั้งสองคน ทำให้พี่นงยิ้มและถ่ายรูปไปส่องๆก้มๆเงยๆ
อะไรตื่นตาตื่นใจ ชีวิตกับสิ่งแวดล้อมใหม่
“หนูๆ ถอดร้องเท้าอีแตะออกก่อน นะหากจะเดินในน้ำเดี่ยวน้ำจะดีดใส่กางเกง แต่ให้ระวังกระจกอาจมีด้วย ระวังๆ”
เด็กๆทำตาม และกระโดในทราย จ้ำๆๆ กระทืบๆทรายเล่น
ไม่แตกต่างกับกระดี้ได้น้ำใหม่
ไม่ต่างจากปลาซ่อนในนา กับน้ำฝนมาใหม่ๆเลยเด็กๆ
ทั้งกระโดดทั้งวิ่งและแตะน้ำทะเลใส่กันหน่อยๆ
“อย่าๆเด็กๆอย่าให้เปียก วันใหม่ค่อยเล่นวันนี้ถ่ายรูปสวยๆก่อน ยิ้มๆๆ”พี่นงร้องบอก
เด็กๆเล่นเบาลงและก้มดูทั่วไปอย่างพี่นงทำ ไปดูหอยปูตามลอยเดิน
“พี่นงปูอะไรอยู่ในหอย”
“ปูเสฉวนนะและยังมีอีกหลายปู ปูแสมที่เขาดองใส่ส้มตำ ที่เราเรียนในหนังสือไง ปูแสม ปูนา กะปูม้าและปูทะเล อันนี้อยู่ในหอยเป็นปูแสม” พี่นงท่องอาขยานเด็กประถมให้ฟังด้วย
“พี่นงน้ำทะเลเค็มจริงไหม”
“ลองชิมดูซิ”
ดวงใจและนีเอานิ้งจิ่มและแตะลิ้น
“อือ!!!เค็มจริงๆด้วย ปริ๊ด!!”
ทั้งสองบ้วนน้ำลายทิ้งหลังชิม
“อะเฮอๆๆ อิอิ คริคริ”
“พี่นงน้ำทะเลเค็มจริงไหม”
“ลองชิมดูซิ”
ดวงใจและนีเอานิ้งจิ่มและแตะลิ้น
“อือ!!!เค็มจริงๆด้วย”
ตอนที่ 6 วันแรกที่ภูเก็ต
วันนั้นหลังจากไปเดินเสร็จ ทั้งสามสาวเดินกลับไปอาบน้ำที่ทาว์นเฮาส์ สามชั้นบ้านพี่นก ซึ่งอยู่หลังโรงแรมขณะที่เดินกลับ เริ่มมีคนตื่นส่วน เด็กสาวทั้งสองทั้งโดทั้งเต้นอย่างมีสุข ลืมความเหนื่อยล่าในการเดินทาง
ทั้งพูและหัวเราะพูดเสียงดัง
“’งามๆๆ คักๆ คริๆฮ่าๆ ”
“อย่าเสียงดังมาก หนูๆเพราะบางคนอาจยังไม่ตื่น”
“ไม่เหมือนที่บ้านเรานะ บ้านเราตื่นสายไม่ได้แม่บอกนอนกินบ้านกินเมือง” นีพูด
พ่อกลับถึงบ้าน พี่นกเพิ่งตื่น เดินลงมาข้างล่าง เจอสาวๆกลับมาจากเดินเล่น
“เป็นไงบ้างนอนหลับสบายไหม ไปเดินเล่นชายทะเลเป็นไงสวยไหม”
“สวยมากคะ คิดถึงอีพ่อและพี่สาวเขาไม่เคยเห็น”
“สวยจริงๆ ด้านหน้ามีเกาะด้วย และนีอยากไปแหลมพรหมเทพคะพี่นก”
“อยากไปแล้วจะพาไปหลังกินข้าวกินน้ำแล้วค่อยว่ากันทำงานที่นี่ ได้เที่ยวแน่ๆ”
“ต้องไปดูร้านก่อนไปกินข้าวที่ร้านนะ พี่นงหลังอาบน้ำเสร็จพาเด็กๆไป เราจะกินอะไรดี”นกปรึกษา
“ข้าวเหนียวส้มตำกับซีฟูดนะ” พี่นงพูด
“ดีเหมือนกัน ตอนเที่ยงกินข้าวเหนียวส้มตำปิ้งไก่ ตอนเย็นเราไปซื้ออาหารทะเลที่หมู่บ้านชาวเลนะพี่นง” นกพูด
“จ้าๆๆอยากินมานานแล้ว สดๆหวานๆ นึ่งปูม้าพี่ชอบ” พี่นงพูด
“ไปๆอาบน้ำเสื้อผ้าใส่ทำงานนะอยู่ในตู้แหละหลังอาบน้ำพากันลองดูใครใส่ตัวไหนได้ใส่ไปมีเยอะ”
พี่นกตัดมาไว้ ทำงานร้านเราต้องใส่ชุดมันจะได้สวยมีระเบียบและลูกค้ารู้ด้วยว่าเธอเป็นพนักงาน
“มีฝรั่งด้วยไหมพี่นก” นีถาม
“มีมีเยอะทุกวันร้านเราเปิดเที่ยงถึงเที่ยงคืน กินข้าวเสร็จแล้วเราจะพูดเรื่องงานกัน แต่วันนี้ไปดูร้านก่อน”
“หนูกลัวหนูพูดฝรั่งไม่เป็น “ดวงใจพูด
“ไม่ต้องห่วงพี่หาคนมาสอนให้จนเป็นโน้นแหละแต่ต้องขยันท่องศัพท์ ขยันพูดอย่าอาย”
“คะ “ นีและดวงใจพูดขึ้นพร้อมกัน
“ไม่ต้องกลัวหากอยากได้เงินแต่ต้องขยันนะ” พี่นกสำทับอีกครั้ง
“ร้านเรามีทั้งไทยและฝรั่ง ฝรั่งที่มาร้านเราส่วนมากเป็นฝรั่งในพี่ที่นะ ร้านเรามีระดับไม่ใช่ร้านบาร์ทั่วไป แต่เป็นร้านอาหารและบาร์เบียร์การ์เดนท์ เดี๋ยวเดินไปกับพี่นงแหละ พี่นงเป็นพี่เลี้ยง สาวๆไปก่อนนะ ฝากดูน้องๆด้วยพี่นง”
หลังอาบน้ำเด็กๆลองชุดที่ตู้เสื้อผ้ามีทั้งชุดกางเกงขาก๋วย เสื้อคอกลม มีตราร้านประทับ กางเกงขาวก๋วยมีหัวเป็นลายผ้าไทย เสื้อตัดด้วยฝ้ายอีกหลายแบบ สวยเรียบร้อย
ลองชุดนั้นชุดนี้
“หนูอยากอายหนูไม่เคยใส่แบบนี้แต่มันสวยนะ “ดวงใจพูด
“ต้องใส่จ้าเด็กๆเพราะเป็นยูนิฟอร์มของร้าน และเห็นพี่นกพูดว่าฝรั่งเขาชอบแบบไทยๆนะ ดูจากชุดทุกชุดเขาเรียบร้อยและปะผ้าไทยด้วย”
“หนูได้ยินเขาว่าใส่สั้นๆหรือกางเกงขาสั้นโชว์นม และหนูเห็นในหนังหนูกลัว ถ้าพี่นกไม่ได้มาจากบ้านเราหนูไม่มาทั้งไกลทั้งกลัว” ดวงใจพูด
“ที่ร้านพี่นกเขาเป็นร้านปกติไม่ใช่ร้านบาร์หากบาร์ต้องไปโน้นป่าตอง อยู่ไปสักหน่อยเดี๋ยวพี่นกเขาพาเลาะดูแต่พวกเด็กๆต้องขยันและเชื่อฟังพี่นกเขานะ ทำงานทำให้เต็มที่”
ตอนที่ 7 ร้านพี่นก
พี่นก น้องสาวพี่นง หรือมาดามนกมีสามีเป็นฝรั่งอังกฤษ เป็นเจ้าของร้านอาหาร ที่ราไวย์ กิจการของเธอกำลังรุ่ง สามีเป็นฝรั่งใจดี พูดภาษาไทยได้นิดหน่อย ชื่อนิก เขาไปๆมาๆเมื่อไทยหลายรอบจนหลงเสน่ห์เมืองไทยและรักเมืองไทย แต่ไม่กินอาหารไทย ทั้งสองหน้าตาดี
“แฟนพี่นกนะเขาใจดี แต่มีระเบียบมากนะ”
หลังจากนั้นเราใส่ชุดกางเกงขาก๋วย และเสื้อยืดตราร้าน เดินไปร้านกับพี่นง และวันนี้พี่นงได้ใส่ชุดขาก๋วยกับดวงใจและนีด้วย เพื่อให้เด็กๆอุ่นใจไม่เขินอาย
พี่นกบอกว่า ”สวยดีนะ ไม่ต้องใส่ชุดที่ถือมาด้วย ได้เป็นพนักงานกับสาวๆด้วย อิอิ”
“อะเฮอๆๆ อิอิ คริคริ”
พี่นกพูดๆๆสอนเด็กๆตลอดทาง ยังงั้นยังงี้ รวมทั้งแนะนำสถานที่
“โอ้พี่นงยังกะเป็นคนภูเก็ตนะ”
“พี่อ่านจากหนังสือจ้า “นงพูด
และสุดท้ายอีกครั้งนงพูดกับเด็กสาวทั้งสองคือ
“ต้องเชื่อฟังพี่นกเขานะให้ถือว่าเขาเป็นญาติ เพราะเราไม่มีใคร” พี่นงพูด
ทั้งสามเดินออกจากบ้านประมาณ 600 เมตรร้านนี้เป็นร้านสุดท้าย ที่ติดชายหาดในราไวย์ ดวงใจ มองเห็นต้นไทรติดต้นไทร พี่นงบอกว่า
“นั่นไงร้านพี่นก”
ไปถึงเห็นมีแม่บ้านมาทำความสะอาดและเปิดร้านไว้ พี่นงไปถึงได้แจ้งแม่บ้านว่าเป็นญาติของพี่นก พาเด็กๆมาช่วยพี่นก
ร้านพี่นกเป็นร้านเปิดโล่ง ในนั้นมีอาคารไม่ใหญ่มากหรือ”เถียงนา”ซะจะง่ายกว่าถ้าเปรียบเทียบกับบ้านนอกของดวงใจ
เถียงนายกสูง ด้านบนและด้านล่างมีห้องกั้น ต่อชายคาออกมายาว สามสี่เมตร หน้าห้องทำเป็นเคาน์เตอร์ บาร์เบียร์และด้านหลังมีชั้นวางโชว์เครื่องดื่ม อีกด้านหนึ่งเป็นห้องครัวทำอาหารตามสั่ง
หน้าเคาน์เตอร์ มีเก้าอี้บาร์สามตัวมีโต๊ะไม้และมีม้ายาวสองข้างแบบมีพนักพิง4-5โต๊ะ และด้านนอก
พี่นงบอกดวงใจ กับนีว่าเป็น
”ร้านอาหารและเบียร์การ์เด็น”
ที่นั่น มีโต๊หินอ่อนและเก้าอี้อยู่อีก สิบกว่าชุด ด้านหน้ามีต้นไม้จัดเป็นรั้ว มีต้นไม้ใหญ่หนึ่งต้น และระหว่างชุดเก้าอี้หินอ่อนมีพุ่มไม้อีกสามสี่พุ่ม ด้านหน้ามีเก้าอี้ไม้ชายหาดอีกสามสี่ตัว ดูไม่ใช่ที่อับทึบหรือน่ากลัวอะไรตามที่เห็นในหนัง หรือมีที่เต้นรำที่แดนซ์ เป็นร้านอาหารปกติ
และหน้าหาดยังมีต้นสนใหญ่อีกต้นด้วยพอเป็นร่มเงา
“เฮ้อ!!!! “ดวงใจคิดอย่างโล่งใจและหายใจเข้าเต็มปอด
ตอนที่ 8 งานวันแรก
พี่นงพาสองสาวเดินเลาะดูด้านนอกได้ในแนะนำ เด็กสาวทั้งสองสอดส่องดูอย่างสนใจ
“มีชั้นสองด้วยนะพี่นง”
“ ชั้นสองเป็นที่เบของจ้า หรือพักผ่อนบางครั้งไม่มีอะไรมากที่น่าสนใจ พี่นกคงจะแนะนำสาวๆเองนะแหละ”
นกมาถึง” อาหารสั่งแล้วนะ เรากินส้มตำข้าวเหนี่ยวเดี๋ยวเขามาส่ง”
“คงหิวแย่แหละสายแล้ว จะได้อร่อยๆ”
“หนูอยากกินเผ็ดๆจะได้หายเหนื่อย” นีพูด
“พี่สั่งเผ็ดหนึ่งไม่เผ็ดหนึ่งจ้า กินเสร็จแล้วพี่จะแนะนำเรื่องงานนะ”
วันนั้นเป็นอาหารมื้อแรกของภูเก็ต แต่หนีไม่พ้นอาหารอีสาน ข้าวเหนียวส้มตำของแซบอีกตามเคย
หลังทานอาหารเสร็จเที่ยง พี่นกเริ่มแนะนำเรื่องงาน
ร้านพี่นกเปิดจริงคือบ่ายสองและปิดเที่ยงคืน สาวๆจะทำงานสองกะไม่ได่มาทำงานในเวลาเดียวกัน
” อาทิตย์แรกให้เรียนงานจากพี่ๆก่อนนะ พี่จิต พี่ปลา นะมาจากบ้านเรา”
ส่วนพี่ตา กับพี่น้อยนั้นทำงานห้องครัวเรื่องอาหารตามสั่ง พี่จิตทำงานที่เคาน์เตอร์เบเงิน เพราะเป็นญาติของพี่นกด้วย
“สาวๆเป็นหน่วยหน้าเคาน์เตอร์ เบียร์กับรับคำสั่งอาหารและเสริฟนะ”
“พี่นกขอทำงานด้วยกันได้ไหม”
“ไม่ได้” พี่นกให้เหตุผลคือเวลาทำงานมันยาวพี่นกเลยจัดเวลาทำงานป็นสองกะ กะแรกเที่ยงถึงสองทุ่ม กะสองหกโมงถึงเที่ยงคืน ส่วนการอยู่เวรงานกะให้ช่วงแรกพี่นกจะจัดให้คู่กับพี่ๆที่ทำงานก่อน
“มีคนทำงานกี่คนคะพี่นก”
“สิบคนจ๊ะ กับสาวๆด้วยเป็น สิบสองคน”
“ไม่ต้องกลัวนะเรียนไปก่อน”พี่จะให้พี่ๆที่เขาอยู่ก่อนตามคู่ทุกรอบจนไว้ใจได้ ส่วนเรื่องภาษานั้นพี่จ้างฝรั่งมาสอนวันละสองชั่วโมง สักเดือนดูก่อน พวกเธอต้องขยันเรียนนะ พี่เสียเงิน แต่ความรู้นะเป็นของพวกเธอนะ อนาคตเป็นของเธอนะ
“คะพี่นก ดวงใจจะขยันเพราะดวงใจชอบเรียนอยู่แล้ว”
“เอ บี ซี ดี อิอิ เหอๆ”ดวงใจพูด
“หากอยากได้เงินเยอะมากว่าเงินเดือนที่ได้ ยิ้มให้เป็น บริการให้ดี แคร์แขกดี ลูกค้าร้านเราให้ทิปดี” พี่นกบอก
ดวงใจยิ้มอยู่ในใจ มุ่งมั่น” เงินๆๆ”
ส่วนนีโตกว่าดวงใจยิ้มเหมือนกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เธอคิดไปถึงบ้านบนเขาที่พี่นงชี้ให้ดูเมื่อเช้านี้ว่ามีฝรั่งมีงเนมาอยู่มาเช่าและเป็นเพื่อนของแฟนพี่นกมี เธอยิ้มและมีประกายตาที่มาดมั่น
”ผัวฝรั่งๆๆ รวยๆๆ”
“อะเฮอๆๆ อิอิ คริคริ”
ยิ้มและหัวเราะในเรื่องเดียวกันแต่ต่างคิดต่างกรรม ต่างวาระจริงๆ
ตอนที่ 9 แฟนพี่นก
“นีกับดวงใจมารู้รักคุณนิก แฟนพี่”นกเรียก
นิกชายฝรั่งผิวขาวสูงประมาณ 180 cm รูปร่างสันทัด หน้าตาดี ยิ้มหล่อ
“สวัสดีครับ”
“สวัสดีคะ” ดวงใจและนีไหว้
“หนูชื่อนี”
“หนูชื่อดวงใจคะ”
“สบายดีไหมนง เดินทางเป็นยังไงบ้าง”
พี่นงพูดกับนิกทั้งไทยและอังกฤษและมีพี่นกช่วยพูดเป็นบางครั้ง
ในความคิดของดวงใจ ฝรั่งคนนี้หน้าตาดีแต่สูงใหญ่กว่าคนไทยเยอะ
ด้านนีคิดว่า แฟนพี่นกหล่อดีและยิ้มสวยด้วย พูดไทยได้อีก ไม่น่ากลัว
วันนั้น เป็นวันแรกที่ร้าน นีและดวงใจช่ววยทั่วไป เบข้าวเบของช่วยพี่ๆในร้าน จนหลังทานอาหารเย็น
ในร้านวันนั้นเห็นฝรั่งมาทานอาหารคนเดียวบ้าง บ้างมานั่งที่เก้าอี้หน้าชายทะเล บ้างมาเป็นคู่ ฝรั่งสามีภรรยา บ้างมาเป็นครอบครัว
“ เด็กฝรั่งน่ารักจังเลยยังกะตุ๊กตานะ”
และมีหลายคนทีฝรั่งหนุ่มมากับสาวไทย หรือภรรยาไทยมีลูกน่ารัก
“ลูกครึ่งน่ารักจริงๆ” นีพูด
บางคู่ ดวงใจไม่อาจรู้ได้ ผูหญิงที่มาด้วยกับสามีฝรั่งบางคนใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย บางคนใส่กางเกงขาสั้น บางคนสั้นมากจนเห็นกระเป๋ากางเกงแลปออกมา บางคนสวยแต่ง บ้างหญิงไทยสูบบุหรี แต่ทุกคนสามารถพูดภาษาต่างประเทศได้ บางคนหน้าตาสวย บางคนทั้งดำทั้งแหล่ ผอมมีแต่กระดูก บางคนดื่มน้ำ บางคนดื่มเบียร์ ดื่มเครื่อมดื่มสีสันในแก้วทรงสูง ดวงใจและนีมองอย่างตื่นตาและเบข้อมูลทุกจุด ไม่มีพลาด
ประมาณหกโมงมีสาวนางหนึ่งอายุ ประมาณสามสิบกว่าๆเข้ามาทักพี่นก ดวงใจสังเกตุว่าเธอไม่ได้สวยมากแต่งตัวธรรมดา ออกจะโปในสายตาของดวงใจ ผิวไม่ขาว ไม่อ้วน คือหน้าตาธรรมดาแหละ แต่เสียงของเธอใหญ่ๆไม่เหมือนสเสียงปกติของสาวๆ
“พี่นกสวัสดีคะ “
“อ้าวเป็นไงดาไม่เห็นหลายวัน”
ทั้งสองทักกันเป็นภาษาอีสาน
“แฟนหนูมาจากสิงคโปร์คะเลยต้องดูแลกันเขาพึ่งกลับวันนี้ เลยมารีแลกซ์หน่อย เอาเหมือนเดิมนะพี่”
พี่นกเล่าให้สาวๆฟัง ดาเป็นสาวสกลนครเมืองส่องดาวเคยไปทำงานบาร์ที่สิงคโปร์ เธอได้สามีรวยมากเพราะสามีซื้อขายน้ำมัน ที่สิงคโปร์
มีลูกกับดาสองคนชายหญิงและสามีเอาลูกของดาไปอยู่สิงคโปร์และเรียนหนังสือด้วย
“วาสนาคนมันต่างกัน และดานะเขารักบ้านเกิดเมืองนอนทุกปีเขาจะไปทำบุญที่บ้านจ้างหนังไปให้ชาวบ้านดูทุกปี ดารวยจริงๆ”
พี่นกพูด
“ดามีบ้านใหญ่มีบริเวณใหญ่ไม่ได้ติดทรายทะเล และในบริเวณบ้านสี่ห้าไร่ได้ทำบ้านหลังเล็กอีกสองสามหลัง ให้ญาติมาอยู่ด้วย
และบ้านอีกหนึ่งหลังเป็นบ้านพักตากอากาศให้เพื่อนของแฟน.
“รวย รวย รวย” พี่นกบอก
และพากันกลับไปนอนสองทุ่ม พี่นงเหนื่อยจากการเดินทาง หลับเป็นตาย สำหรับสองสาวแล้วไม่เหนื่อยเลยมีแต่ความตื่นตาตื่นใจ กลัวหน่อยๆแต่ตั้งใจและคิดไปตามแนวคิดที่แตกต่าง
นีคิดฝันเรื่อง”มีแฟนหล่อ มีเงิน มีบ้านหลังสวยๆ ลูกครึ่งน่ารัก”
“โอ้ย ซะมะคักแท้น้อ “
ส่วนดวงใจคิดเหมือนกัน เราต้องเรียนภาษาให้ได้จึงมีโอกาสดีๆ มีเงินแล้วดวงใจจะเรียน ส่งเงินให้พ่อให้พี่ด้วย
“หากมีแฟนฝรั่งหล่อๆดี อิอิ”
ใบหน้าสองสาว”ยิ้ม”เหมือนกัน แต่ความคิดแตกต่างกัน และที่ไม่แตกต่างคือคิดเรื่องเงิน เพราะทั้งสองสาวมาทำงานมาหาเงิน
มาขายแรงงาน
“สู้ๆๆสาวๆ!!!!”
ตอนที่ 10 คนงานขี้เกรียจ
พี่นงยังอยู่ต่อเป็นอาทิตย์ เพราะเธอถือโอกาสมาพักร้อน เธอสอนนั่นสอนนี้ ตลอดตามแต่โอกาส
แต่มันเป็นช่วงความสุขและการเรียนรู้งานพฤติกรรมแตกต่าง
และคนแถวหน้าหาดที่ทำมาหากินขายส้มตำปิ้งไก่ มีเสื่อ ให้ด้วยและพี่นกบอกเจ้านี้อร่อยเจ้าประจำ หากมาซื้อส้มตำเอาเจ้านี้ หากมาซื้อปิ้งไก่ให้ซื้อเจ้านี้ แต่ข้าวเหนียวเราไม่ซื้อนะ เราหุงเอง
“ดีดี นึ่งข้าวเหนี่ยวเองจะได้กินอิ่มๆเยอะๆ” ดวงใจพูด
“อิอิ เหอๆ คริคริ”
“เอ้อๆพี่นกรู้หรอก กินๆนะสาวๆกำลังจะโต กินๆจะได้มีแรง เราคนทำงานเราต้องกิน”
” แต่จะต้องขยันๆนะอย่าขี้เกรียจ”
เรื่องขี้เกรียจนั้น ได้ยินพี่นกคุยกับพี่นงว่าสามีของพี่นกไม่ชอบคนไทยที่ไม่ขยัน หรือคนไทยขี้เกรียจ ซึ่งมีหลายคนที่เป็นคนมาทำงานด้วย ไม่รู้จักหน้าที่ในการทำงาน ทำๆสักแต่ทำแต่อยากได้เงิน เยอะๆ ไม่เหมาะสมกับค่าจ้าง ไม่นานนกพิจารณาหาคนใหม่และให้ออก
ดวงใจคิดในใจ
” เอ้อเนาะ มีงานทำและมีเงินนะมันบุญเท่าไหร่แล้ว “
ทำไมต้องขี้เกียจมันต้องแลกกันเจ้าของร้านรวย เงินมีงานเดิน เงินขึ้นคนงานขยัน เรารวยด้วย เจ้าของร้านไม่มีเงินเราไม่มีงาน
“หลายคนทำงานแล้วไม่เป็นระเบียบ ไม่เบไม่ทำความสะอาดคุณนิกไม่ชอบ “
”เหนื่อยในการบอกสอน หรือให้เพื่อนตามเบ”
“ นั่นแหละถึงให้พี่นงหาเด็กมาส่งนะ ยิ่งช่วงนี่หน้าไฮลูกค่าเยอะทิปเยอะ สาวๆคงได้เงินกลับบ้านอยู่หรอก”
“ดีดีให้เขาได้เงินหน่อยจะได้มีกำลังใจ “พี่นงพูด
“นกนะไม่ขี้เหนียวเรื่องเงินเรื่องกินหรอก เอาแค่เด็กขยันทำงานและไม่ปวดหัว”
“พี่ได้ยินว่าเด็กที่เอามานะขยันนะนก”
“เรารอดูต่อไป”
ตอนที่ 11 ตลาดนัดฉลอง
วันนี้มีตลาดนัด เราไปตลาดนัดเฉลองกันดีกว่านะสาวๆไปด้วยไหม เขามีตลาดนัดที่ฉลองมีของกิน มีเสื้อผ้าด้วย
“นีไปด้วย”
“ดวงใจไปด้วย”
‘มามาขึ้นรถ”
รถของพี่นกเป็นรถจิ๊ปเปิดหลังเก่าแล้วสีแดงด้วย มีเก้าอีหวายให้นั่ง
“รถคันนี้คุณนิกเขาซื้อให้ เพื่อจะได้ไปตลาดซื้อของ สาวๆนั่งเก้าอีกหวายนะแหละ พี่นงมานั่งข้างหน้า”
รถของนกไม่เรียบร้อยนักเธอบอกว่ารถเก่านิกพึ่งซื้อมา เขากำลังซ่อมเอง ในตัวรถส่วนเครื่องจักรนะไม่มีปัญหาเพราะเขายกเครื่องใหม่
“คุณนิกซื้อมาแต่งทำเป็นงานอดิเรก หลังไปแล่นเรือใบเขาทำเรือใบอยู่อังกฤษ”
“อีตานิกซะมะง่ายแท้มาร้านแล้ว ไปเล่นเรือใบ แต่งรถ โซ๊ะ!!!” ฝรั่งในไทย พี่นงคิด
สี่สาวไปตลาดหน้าสถานีอนามัย พี่นกบอก
”พี่หมออนามัยได้สามีเป็นหมอรีไทม์ชาวฝรั่งเศสนะ “
และนั้นอาคารนั้น กำแพงเขาเป็นเปลือกหอยเขาเรียกว่า
”พิพิธภัณฑ์หอย ร้อยปี เขาซื้อหอยจากชาวเลแถวนี้มา และ มีไข่มุกด้วยโตมาก และราคาหลายล้าน”
“หนูอยากไปดู “ทั้งสองพูดพร้อมกัน
“ได้ๆทำงานไปก่อนนะ เพราะราคาเข้า สองร้อยบาทนะ”
“โอ้!!!แพงจัง” ทั้งสองร้องขึ้นพร้อมกัน
พี่นก จอดรถจิ๊บ(อีฮ้าง)ที่นั่งเก้าอี้หวาย ให้เราลงไปเดินเล่น
ของซื้อของขายมีหลากหลายชนิด มีร้านรวงขายของเป็นร้อย
ทางซ้ายขายเสื้อผ้า ทางขวาเป็นรถเข็นบ้าง เป็นโต๊ะเตี้ยบ้าง ขายของกินขายผลไม้ คนไปคนมาเยอะแยะ และร้องตะโกนเสียงดังคุยกัน จนดวงใจคิดว่าคนทะเลาะกัน ที่พอๆจับความได้ ว่าไม่ใช่ทะเลาะกันเหมือนญาติ คนรู้จักถามกันมากกว่า
“สบายดีไหม๊”คนถาม
”ไม่สบายจะมาตลาดไหม๊”คนตอบ
”นั้นซิคิดว่าสบายดี”คนถาม
นี่แหละที่เขาพูดคุยกัน
นีและดวงใจขอเดินดูตลาดร้านค้า นีซื้อเสื้อยืดหนึ่งตัว ส่วนดวงใจทั้งตัวมีเงินสองร้อยที่พี่สาวให้ เธอไม่ซื้ออะไรได้แต่มอง หากเงินเดือนออกเธอจะมาซื้อเสื้อสวยๆสักตัวเหมือนกัน
นกและนงไปเดินดูผักและอาหาร นงเดินดูอาหารทะเลที่เขามาขาย
อาหารการกินที่นี่สมบูรณ์มาก แต่เมื่อเธอดูราคา เธอคิดว่าราคาพวกผักสดจะแพงกว่าแถวตลาดบ้านของเธอ ส่วนอาหารทะเลราคาไม่แตกต่างกันมากแต่ที่นี่อาหารทะเลสดจริงๆ วันนั้นสี่สาวเดินซื้อผักผลไม้ และอาหารสำเร็จรูปอื่นมากินและนกบอกว่าเรามาลองทานขนมจีนชาวภูเก็ตดูก่อนวันนี้ มาภูเก็ตต้องลองขนมจีนภูเก็ต
“เอ้าลองลอง”พี่นงว่า
ดวงใจกินอย่างอร่อย นีกินอย่างอร่อย
ส่วนพี่นงพูดอร่อยแต่
”อ้า!!!เผ็ดมากๆ” พี่นงเอามือพัดปากเพราะเผ็ด เธอกินผักมากกว่ากินขนมจีน
” พรุ่งนี้จะพาเดินไปดูหมู่บ้านชาวเลไม่ไกลจากร้าน”นกบอกพี่สาวว่า
“อาหารทะเลเขาสดมากราคาไม่แพง เราไปซื้อที่นั้นมาทำกินพรุ่งนี้ดีกว่า”
“จะพาพี่นงไปดูมุกด้วยนะเพราะมุกชาวเลได้มาจากการงมหอยมุก”
“ดีดี พี่ชอบดู”
ตอนที่ 12 หมู่บ้านชาวเลราไวย์
เที่ยงวันใหม่ นกและนงพากันไปตลาดชาวเล โดยมอเตอร์ไซค์เพื่อให้สะดวกในการขนของที่ซื้อ หมู่บ้านชาวเลย์ ไม่ห่างจากร้านเดินไปทางฉลอง ออกจากร้านไปเพียง 100 เมตร มีทางแยกเดินลงไปทางทะเล ตรงหัวมุมมีร้านขายผลิตภัณฑ์ของที่ระลึกจากทะเลหน้าหมู่บ้านขายเปลือกหอย ม่านหอย ฟันฉลาม ฟันปลา
“มีขายมุกด้วยนะกลับมาแล้วเราค่อยมาดู แต่นกไม่ซื้อหรือใช้เพราะว่าคนญี่ปุ่นเขาใส่มุกเฉพาะงานคนตาย นกรู้สึกไม่เป็นมงคลนะพี่นง”
ทางที่เดินลงไป ประมาณ 50 เมตร ข้างหนึ่งเป็นบ้านหลังเล็กๆ ยกพื้นสูงบ้างต่ำบ้างอยู่อย่าแออัด มุงสักกะสี ดำๆด่างๆน้ำตาลสนิม เหมือนบ้านชั่วคราวมากกว่าบ้านถาวร เหมือนสลัมมากกว่าจะเรียกหมู่บ้าน คนตัวไม่โตมาก ผิวคล้ำ จะว่าหาคนขาวไม่ได้เลยแหละ เสื้อผ้าใส่เหมือนคนงานทั่วไป ผู้หญิงบางคนใส่กระโจมอก อุ้มลูก จูงหลาน
“เอ้อน้อ!!!!!มากกว่าบ้านนอกบ้านฉันอีกนะเนี่ย!!” นงคิด
“มองดูแออัดมากกว่า อีสานบ้านเรานะ บ้านเรายังน่าอยู่กว่านะนก “
นกเล่าว่า ชาวเลเป็นกลุ่มคนที่หากินทางทะเลมีที่อยู่ไม่เป็นที่เป็นทาง ในทะเลอันดามันทำมาหากิน เรียกตรงนี้ว่าบ้านไทยใหม่ราไวย์ มีสามชนเผ่า เผ่าอูรักลาโวย เผ่ามอแกน เผ่ามอแกรน มีวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน
หมู่บ้านชาวเลเป็นหมู่บ้านของชุมชนดั่งเดิมสามชนเผ่านี่ อาจมีมานานแต่ความเป็นคนง่ายๆรักสงบ อยู่ไม่เป็นที่ ไปๆมามา ไปทำมาหากินในน้ำและบนเกาะ อันมีบอน เกาะราชา เกาะเฮ เกาะสิเหร่และมาอยู่ที่หาดราไวย์
“ชาวเล เขาเรียนเรื่อง ดิน ฟ้า น้ำ ลม เพื่อทำมหากิน”
เขาเล่ากันว่าคนกลุ่มนี้ย้ายถิ่นทำมาหากินไปเรื่อยๆจากมาเล
ตอนนี้ เขามีกรณีพิพาทไล่ที่ออกจากที่อยู่อาศัยของตนเองสมัยปู่ยา จากเอกชนเจ้าของใบที่ดิน
สมัย 100 ปีก่อนโน้นเขาเร่มสืบได้แล้วว่ามีทะเบียนบ้านแล้ว และวัดสว่างอารมณ์ในพื้นที่นี้ สร้างในสมัยนั้น
“อ่านน้ำจำลม อ่านฟ้าจำดาว “
น้ำขึ้นน้ำลง ช่วงไหนที่เขาหาปลาได้ หรือหาปูกุ้งหอยเป็นวิชาทำมาหากินที่สืบทอดมาสู่ลูกหลาน เขาดำน้าได้นานและลึก หาหอยปูปลามาเอามาขายข้างบ้านริมชายหาดแหละ
” เดี๋ยวเราซื้อไปทำกินกัน สดๆมากๆ”
“ทำไมเธอรู้ดีนักละนก “นงถาม
“ฟังจากคนงานของนกมีครอบครัวหนึ่งพ่อแม่เขาเป็นชาวเลย์ เขามาช่วยส่งของคุยกัน”นกตอบ
“แต่ก่อนชาวเลทำมาหากินอิสระโดยหาของจากทะเลมาขาย พวกปูปลากุ้งหอย และยังได้มุกมาด้วยนะในหลวงท่านยังเคยเสด็จประพาสที่นี่ เมื่อ 2502 ด้วยนะ “
“ในพื้นที่ราไวย์ เริ่มมีคนนอกเริ่มเข้ามาก่อนสมัยเราเกิดอีกนะ “
ในปี 2505 สองสามครัว หลังนั้นมีคนมาอยู่มากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นที่ท่องเที่ยว
นงซื้อปูม้าสดๆเดินได้ 3กิโลกรัมไปนึ่ง นกซื้อหมึก 1 กิโลกัรมและกุ้งอีก 2 กิโลกรัมและปลาด้วย หนึ่งตัว 3 กิโลกรัม
เธอสอนนงดูมุกแท้โดยการกัดๆและจะรู้สึกแครกๆที่ฟันจึงเป็นของแท้ เธอซื้อให้นงสามเม็ด
“พี่นงเอาไปทำหัวแหวนและตุ้มหูนะ สนับสนุนชาวเล”
และทั้งสองแวะมาชมที่ร้านหัวมุมที่มีของที่ละลึกชาวเล พวกผลิตภณฑ์เปลือกหอยขายเต็มร้านถูกบ้างแพงบ้าง แต่แค่ชม
” แต่ก่อนชาวเลย์ อยู่ลึกเข้าไปฝั่งตรงข้ามของถนนไปทางโน้นนะ” นกชี้ไปด้านในแผ่นดิน แต่เขาถูกไล่ที่โดยนายทุนเอกชนจนมารวมกันแอดอัดยังงี้ ตั้งแต่ 2508 ไล่ให้แคบลงมาเรื่อยๆ จนปัจจุบันเป็นพื้นที่ชุมชนแออัด บ้างบ้านไม่มีส้วมนะ
“ เขาข้ามถนนไปถ่อยอึฝั่งโน้น “
ตอนที่ 13 แกงส้มอีสาน อะกึย!อังโก๋ย!
เย็นวันนั้นพี่นงมีความสุขกับการกินปูม้านึ่ง มีน้ำจิ่มซีฟู๊ดสุดเริ่ดจากแม่ครัว เธอบอกนกว่า ที่มาส่งสาวๆนะไม่ใช่แค่อยากมาเที่ยวแต่คิดถึงซีฟู้ดด้วย
นกแกะขาพายที่มีกล้ามใหญ่ๆเสริมพี่สาว และบอกตรงนี้จะอร่อย
ส่วนดวงใจกับนี้อยากลองกินเหมือนกัน มันตัวใหญ่กว่าที่บ้าน ที่เธอเคยไปหาในห้วยข้างบ้านมาก
ทั้งสองกินกุ้ง กินปู ที่นึ่งมาทั้งตัว แกะ และกัด ไม่มีทิ้ง
“กรอบๆกร๊วบๆ หวานนะๆ อร่อย หวานๆ “ เพราะสาวๆเคยกินแต่ปูอีสานตัวเล็กเคี้ยวกรอบๆทั้งตัว
นกมองเห็นนีและดวงใจกินอย่างนั้น พูดว่า
“โอ้ว!! กินทั้งตัวทั้งขี้ทั้งขาเลยเหรอ ดูๆพี่จะสอน”
เธอสอนเด็กเทคนิคการกินอาหารทะเล กินยังไงแกะยังไง เพราะสาวๆเคยกินแต่ปูอีสาน กุ้งอีสาน ตัวเล็กๆเคี้ยวกรอบๆทั้งตัว
“อะเฮอๆๆ อิอิ คริคริ”
“เอ้อ! น้อได้ลูกใหม่สอนหมดทุกอย่างนะ” พี่นงว่า
“ดีดี หนูชอบ”นีและดวงใจพูดขึ้นพร้อมกัน
พี่นงยิ้มๆที่เห็นสาวๆตื่นเต้นที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ไม่เสียเที่ยวที่เธอดั้นด้นหอบสาวน้อยบ้านนอกมาถึงภูเก็ต และพี่นงหวังลึกๆเด็กๆของเธอจะประสบผลสำเร็จและเธอจะมาเยี่ยมอีกครั้ง
เช้าวันใหม่ ปลาที่ซื้อมายังไม่ได้ทำอะไร นกและนงปรึกษากัน ทำแกงส้มดีกว่า
“พี่นงทำนะนกจะสอนสาวๆทำงาน”
“พี่ไม่เคยทำแกงส้มนะนก”นงพูด
“ทำเถอะมีเครื่องแกงส้มและใส่น้ำมะขามเปียกนะ น้ำจะได้ข้นเนี่ยๆๆวางไว้ให้หมดแล้ว ใส่มะรุมด้วยเนี่ย!!!”
“เอาเอ้า ลาว อีสานทำแกงส้ม”
นกออกไปสอนงานสาวในร้าน
ส่วน นงทำแกงส้มเพราะแม่ครัวจะมาทำงานบ่ายโน้น
หลังทำเสร็จนงได้เรียกนกมาซิม ว่ารสชาดเป็นไง
นงทำเสร็จสุดฝีมือรสชาดกลมกล่อม ตามแบบแม่บ้านอาหาร ไทยผสมจีน ที่เธอทำที่บ้าน
คิดว่าคงอร่อยเริ่ด!!!
“ อิอิอิ ฝีมือแม่บ้านห้าดาวชาวอีสานที่มีครูสอนเป็นเจ้าของร้านฮ่องเต้ ชื่อดังเด้อคะเด้อ”
“อังโก๋ย!!!!”
นกอุทานเป็นภาษาบ้านท้องถิ่นที่อีสานบ้านเกิด
“พี่นง ไม่ใช่แกงส้มรสชาดมันอ่อนไปหมด ไม่เผ็ดเลย ไม่เปรี้ยวด้วย”
“รสชาดปักใต้ต้องเผ็ดนำ เปรี้ยวนำ นะ กลมกล่อมค่อยว่ากัน”
นกเติมน้ำมะขามอีก บีบมะนาวอีก และเติมพริกแกงส้มอีก สี่เท่าที่นกใส่ลงไป
“ชิมดู”
“อังโก๋ย!!!!เปรี้ยวๆ เผ็ดๆๆๆๆๆๆ”
ห้านาทีผ่านไป พี่นกวิ่งไปห้องน้ำ เพราะฤทธิ์
“แกงส้มปักษ์ใต้จิ๊ดจ๊าดกินใจ เร็วไวไปถึงส้วม”
ตอนที่ 14 พี่นงกลับบ้าน
ขามาภูเก็ต สามสาวมาด้วยรถบัสตลอดเส้นทาง และขากลับ พี่นกใจดีซื้อตั๋วเครื่องบินให้พี่นง ขอบคุณที่พาสาวๆมาให้ ทำงานช่วยที่ร้าน
ถึงวันเดินทางกลับ พี่นงได้ถามนกว่า
” พี่จะเอาปูนึ่งกลับบ้านอีสานได้ไหม”
จะได้เอาไปให้ลูกของเธอกินด้วย เพราะลูกๆของพี่นงชอบกินปูเหมือนกัน แต่ปูที่บ้านเธอไม่สดเนื้อไม่หวาน
“ได้ซิพี่นง เดี๋ยวนกนึ่งให้และแพ็คดีๆใส่กล่องพลาสติคให้นะเอาสักห้าโลนะ”
เช้าวันนั้นสองสาวพากันไปซื้อปูม้ามาตัดขาและนึ่งปล่อยให้เย็นและแพ็คลงกล่องอย่างดีห่อพลาสติค ห่ออลูมิเนียมฟอยด์ หลายชั้น ให้พี่นงถือกลับ
การเดินทางของพี่นงปลอดภัย ได้ปูสดเนื้อหวานๆให้ลูกๆ
เธอโทรมาแจ้งนกว่ารสชาดยังหวานอร่อยเหมือนเดิม
หลังจากพี่นงกลับไป
ในช่วงที่มาจากบ้านนอกใหม่ๆดวงใจและนีพูดภาษาฝรั่งได้เลย
“ฝรั่งหน้าตาเป็นแบบนี้เหรอไม่เคยเห็นตื่นเต้นๆ”
นกได้หาครูฝรั่งเพื่อนของคุณนิกมาสอนภาษาอังกฤษให้สาวๆ
เป็นที่ตื่นเต้นของสาวๆในการเริ่มต้น และเปิดโลกทัศน์ในชีวิต เพื่อจะได้มีเงิน มีงาน มีอนาคต
และอาจแถมได้สามีฝรั่ง หล่อๆรวยๆ
“โอ้ยกรี๊ด!!!!” นีคิด
เอ บี ซี ดี ขยันๆฝันๆรวยๆๆ
แค่คิดมันส์แล้ว
“มามา เงินจงมา มามา คนหล่อๆรวยๆจงมา”ดวงใจพูดหยอกล้อกับนี ซึ่งฝันหวานมากกว่าเพราะเธออายุเยอะกว่า ดวงใจ ฝันของเธอบรรเจิดกว่า
“อะเฮอๆๆ อิอิ คริคริ”
“ไม่นะสาวๆจะมาหัวเราะแบบเดิมไม่ได้ ต้องฝึกกริยามารยาทใหม่ “นกพูด
พี่นกฝึกสาวๆบ้านนอกให้เป็นคนงานในร้านอินเตอร์ จากลาวอีสานบ้านๆมาเป็นพูดอินเตอร์ฟุดฟิดโฟไฟไม่ได้ง่ายเลย ทั้งเรื่องกริยามารยาท เรื่องการบริการ การเดิน การยิ้ม การหัวเราะ การหยิบจับการเสริฟไม่ได้ง่ายเลย
“ไม่ได้ง่ายเล้ย! น่าสงสารพี่นกและนักเรียน”
จิตญาติพี่นกที่อยู่มานานมองการสอนจ้ำจี้จ้ำไซ ของนก หัวเราะเด็กไทบ้านเดียวกันในการเรียนทำป้ำๆเป๋อๆ และคิดถึงตอนที่เธอมาใหม่
“ยังงี้ทำไมพี่นกไม่เอาเด็กแถวนี้ทำจะได้ไม่ฝึกมากเขาเป็นงานแล้ว” จิตพูด
“พี่อยากให้คนงานอยู่กับพี่นานๆไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย หากหาเด็กที่นี่ทำงาน พอหน้าไฮไปทำงานแถวป่าตองหมด หาเด็กบ้านเราดีกว่ายังไงยังได้ช่วยกัน”นกพูด
ตอนที่ 15 หนูทำได้
ในวันที่ 5 ทั้งสองได้แยกงานกันทำเป็นกะบ่ายและกะเย็น โดยให้ดวงใจทำในกะบ่ายในช่วงแรกเพราะเป็นเด็กกว่าและ พี่นก ระมัดระวังเรื่องกฏหมายแรงงานสำหรับผู้เยาว์ด้วย หรือหากมีปัญหาให้แลกเปลี่ยนกันได้ แต่ดวงใจควรกลับบ้านก่อน สี่ทุม
การทำงานกะบ่ายให้มาก่อน
”ห้ามเกินเที่ยง”
แต่ให้มาก่อนได้ ซึ่งหากมาเข้างานเร็วพี่นกจะจ่ายเบี้ยขยันด้วย เช่นกันกับกะเย็น
“ห้ามมาสายเกินหกโมง”
หากได้เงินให้เอาไปจ่ายเคาน์เตอร์ รวมทั้งทิปด้วย พี่จิตจะลงบัญชีและเบส่งแฟนพี่นกทุกวัน ซึ่งคุณนิกจะมาดูในตอนเช้าเช็คบัญชีก่อนไปเล่นเรือใบ หรือไปพบเพื่อน
ส่วนพี่นกได้ทำงานทั่วไป ติดต่อสื่อสารดูแลพนักงาน ซื้อข้าวของสั่งของเข้าร้านโดยรถจิ๊ปอีฮ้าง หากมีคนไปด้วยเกินหนึ่งจะเอาเก้าอี้หวายขึ้นไปนั่ง พี่นกเข้าไปตลาดหรือเข้าในตัวเมือง และดวงใจได้ไปตลาดด้วย เพื่อดูบ้านเมืองเขาและช่วยพี่นก
ดวงใจและนีเป็นเด็กเรียนเร็ว แต่บุคลิกภาพแตกต่าง ความมุ่งหมายแตกต่างกัน
นีสาว 18 ย่าง 19 เริ่มเป็นสาว มองหนุ่มบ้างทำงานเช้า มียิ้มหัวและเอียงอายมุ่งเรียนส่องทาง
”หาผัวรวย”
ส่วนดวงใน อายุ 16 เริ่มเป็นสาวยังอยากรู้อยากเห็นตามประสาเด็ก ร่าเริงแจ่มใส คล่องแคล่วว่องไวจริงจัง มุ่งมั่นในการทำงาน มีน้ำใจช่วยเหลือคนอื่น
ทั้งสองสาวเรียนการทำงานจากพี่นก พี่จิต พี่น้อย และพี่อื่นๆทั้งงานเสริฟ งานเตรียมร้านทุกอย่างในร้าน เรียนเรียบ ไม่เกี่ยงงาน ใครทำอะไรหากว่างเดินเข้าไปช่วย
ส่วนการทำงานกับพี่นกนั้น พี่นกชี้ซ้ายไปซ้าย ชี้ขวาเดินขวา ตามคำสั่ง ทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจระบบงาน คำว่าทำงานเด็กบ้านๆ ไปตามสั่งแต่ได้อะไรมาเลยได้แต่ยิ้มแหยะๆใส่พี่นก ว่าตัวเองทำไปตามแต่ได้ผลงาน
“อิอิ หนูทำได้”
ตอนที่ 16 รายได้ครั้งแรกในชีวิต
เพื่อให้ได้ภาษา เร็วขึ้น หลังจากฝึกกับอาจารย์ ได้หนึ่งเดือน พี่นก พี่จิต ได้ดันทั้งสองสาวออกไปรับออร์เดอร์อาหารกับคนไทยก่อน และต่อมาเพื่อนๆคุณนิก ฝรั่งลูกค้าประจำที่พูดไทยได้ แต่สาวๆยังกลัวๆ
หลายวัน ต่อมาพี่นกไปซื้อดิกชั่นนารี่มาให้คนละเล่มสมุดปากาคนละอันให้ดวงใจและนีเรียนเองกับลูกค้าในร้าน คำพูดไหนมาให้จดลงสมุด ไม่ได้มาถาม
ดวงใจ กลัวกลัวฝรั่ง แต่ทำไงละอยากจะได้ภาษาเขาเราต้องเข้าหาเขาและพูดคุยทำอยู่นั้นเรื่อยมาจนเธออ่านออกเขียนได้
หลังจากทำงานได้ เพียง 12 วัน สิ้นเดือนแล้ว
” เงินเดือนออก”
พี่นกเอาเงินใส่ซองมาให้แจกพนักงานในร้านทุกคน โดยหน้าซองได้เขียนจำนวนเงินไว้เงินเดือนเท่าไหร่ ทิปที่ได้อีกเท่าไหร
พนักงานมารับที่เคาน์เตอร์ พี่นกแจกทุกคน พี่จิต พี่น้อย และพนักงานอื่นๆ
สุดท้ายดวงใจและนี
“พี่ให้เท่ากันนะเดือนนี้ได้เงินเดือน ค่าทิปและค่าขยันเรียนด้วย พี่ให้เบี้ยขยันเพราะสาวๆพยายามเข้าไปดูแลแขก”
“อ๋ะดูซิเท่าไหร่”พี่นกบอก
“2800บาท!!! เงินเดือน 1200 ทิป 1200 เบี้ยขยัน 400”
นีเห็นเงินที่เขียนไว้แล้วตาโต
ดวงใจเห็นเงินแล้วดีใจมากทำงานแค่ 12วันเอง
“โอ้ย!แยะจังพี่นก” ทั้งสองตาโตและกระโดดแหย่งๆ
“ใช่เยอะ ถ้าสาวๆขยันยิ้ม ขยันงานบริการแขกดียิ่งได้ทิปเยอะนะ บางเดือนช่วงหน้าไฮได้เกือบหมื่นนะ”
“มีเงินเต็มกอบเต็มกำ”
พูดเรื่องเงินรายได้ดี รู้สึกมันชื่นฉ่ำใจ ชื่นใจหายใจโล่ง การกินการอยู่ทุกอย่างอยู่กับพี่นกทั้งหมด ดูแลเสร็จสรรพ นอกจากอยากได้อยากกินเอง จึงจ่ายเงินเอง และดวงใจไปซื้อเสื้อยืดวัยหวานที่ตลาดนัดฉลองเป็นรางวัลให้ตัวเอง 1 ตัว
“อิอิ”ลักษณะการหัวเราะเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสาวบริการและไทเมืองมากขึ้น
ตอนที่ 17 ดวงใจสาว16ในภูเก็ต
พี่นกนั้นได้สอนมารยาทการรับแขก และการส่งแขกให้แก่สาวๆ เช่น เวลาแขกเข้าร้านให้ยกมือไหว้
กล่าว”สวัสดีคะ” เวลาเชิญแขกไปทั้งโต๊ะ ให้หงายมือขึ้นและวาดออกไปทางโต๊ะ เวลาจะทำอะไร
ต้องมี่คำว่า
Welcome, Excuse me, Sorry, Please ,Thank u, Good night ซึ่งรายได้ดียังงี้สาวๆชอบ
”ไหวไหวไหวคะ สู้สู้สู้”
หลังจากได้เงินเดือน พี่นกได้พาสองสาวไปเปิดบัญชีธนาคาร และเงินที่ได้รับดวงใจได้เบสะสมไว้ พร้อมทั้งส่งผ่านธนาคารกลับไปให้พ่อและพี่สาวทุกเดือน เธอได้เบสะสมด้วย เพื่ออนาคต
ผ่านหน้าไฮไป ทั้งสองสาวเริ่มคล่องทำงานได้โดยที่นกไม่ต้องห่วง ทั้งสองเชื่อฟังพี่นกดี กลับบ้านตรงเวลาไม่เถลไถล
ผ่านหน้าไฮไป อย่างราบรื่น และมีความสุขกับการเห็นยอดในบัญชีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มีความสุขกับเพื่อนใหม่เป็นทั้งไทย ทั้งฝรั่ง หลายสัญชาติที่มาทานอาหารในร้าน
จากที่พี่นกเคยดันให้สาวๆไปรับแขกเพราะมาใหม่พูดไม่ได้จึงกลัว ตอนนี้ ทั้งนีและดวงใจไม่กลัวแล้ว ได้คุยได้ฟังได้ออกเสียง เยส โน โอเค ฮาวอาร์ยู กูดไนท์ กูดลัค จนได้เงินทิปมาแบ่งกันเยอะมากจากทั้งแขกประจำและแขกขาจรของร้าน
ผ่านไปได้หกเดือน ยอดเงินในบัญชีเพิ่มขึ้น ดวงใจมีความฝันเพราะเธอเป็นลูกกำพร้าแม่ อยู่กับพี่สาวเลี้ยงหลาน ไม่ได้เรียนในโรงเรียน เธอจึงขอพี่นกไปเรียน กศน. หรือโรงเรียนผู้ใหญ่ ที่ใกล้บ้านในช่วงเสาร์อาทิตย์
พี่นกสนับสนุน โดยจ่ายค่าเทอมให้แต่มีข้อแม้ว่า
“ต้องทำคะแนนดีดี”
และพี่นกได้ถามนีด้วยแต่เธอไม่สนใจที่จะเรียน
“มาพร้อมกันแต่เป้าหมายชีวิตมันต่างกัน “ นีพูด
“อิอิ ฮ่าๆ” ทั้งสามหัวเราะพร้อมกัน
ตอนที่ 18 ชุมชนราไวย์
ชุมชนใกล้บ้านพักด้านหน้าเป็นโรงแรม ด้านหลังเป็นเทาว์เฮาส์บ้าง มีบ้านพักห้องเล็กห้องใหญ่ให้ทั้งนักท่องเที่ยวและคนงานเช่ารายเดือนอยู่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับบางย่านแพงเช่นท้ายหาดราไวย์เป็นเนินเขาสูง ราคาจะแพงลิบเพราะวิวสวย ส่วนไปทางฉลองต่อจากหมู่บ้านชาวเลขึ้นไปจะเป็นย่านชุมชนเดิม และต่อไปถึงฉลองจะมีบ้านเช่าเช่นกัน มีร้านรวงและร้านอาหารเขตท่องเที่ยว แต่ราคาแพงกว่าเขตราไวย์
ดวงใจและนี ยามว่างจากงาน ได้ใช้ชีวิตตามประสาวัยรุ่นคือมีสังคมในชุมชนบ้างตามวาระและโอกาส เดินเข้าไปเขตชุมชน หรือทรายหาด ที่มีเพื่อนรุ่นเดียวกัน รวมกันเล่นกีฬาหลังเลิกงานหรือวันหยุด วอเลย์บ้าง ดูตระกร้อบ้าง เฮฮาปาร์ตี ตามประสาชุมชน
ในนั้นมีคนที่เล่นตระกร้อเก่งในกล่มหลาคนเช่น เก่ง ตี๋ สัก ทอง หมิ่นและเทียน ซึ่งเป็นคนมาเช่าบ้านเพื่อทำงาน แถวนั้น
เก่งนะมาจากร้อยเอ็ดอีสานบ้านเราเป็นคนงานก่อสร้าง มาทำงานกับพ่อที่รับเหมางานก่อสร้างในราไวย์
สักและทองเป็นหนุ่มมาจากลาวมาทำงานร้านอาหารไม่ไกลจากร้านของพี่นก ลาวสวรรณเขต ไม่ไกลจากมุกดาหารและลาวจากจำปาสัก รู้จักกันดีเพราะพูดภาษาลาวและลาวอีสานไทบ้านเดียวกัน
ตี๋เป็นคนพื้นมีเรือขับรับนักท่องเที่ยวส่งที่เกาะบอน เกาะเฮ เกาะแอว หรือ เกาะแก้วใหญ่ เกาะแก้น้อย หรือออกเรือตกหมึกแล้วแต่บริษัททัวร์หน้าหาดจะส่งให้ บางครั้งตี๋ยังพาเพื่อนๆและสาวๆไปเที่ยวเกาะที่มองเห็นอยู่ด้านหน้า ร้านพี่นก เกาะบอน ซึ่งไม่ใกล้นัก เอาเพื่อนๆสาวๆไปทิ้งไว้และไปทำงานตอนเย็นบ่ายๆไปรับกลับ เป็นเพื่อนที่มีน้ำใจคนหนึ่ง
มินและเทียนเป็นหนุ่มมอญพม่ามาจากเมืองมะละแหม่ง บ้านของมะเมี๊ย ตามเพลง
”มะเมี๊ย!!! “
มะเมี๊ยเป็นสาวแม่ค้ามวนบุหรี่คนพม่าเมืองมะละแม่ง ที่รักกับเจ้าศุขเกษม แต่ไม่สมหวังเนื่องจากเหตุผลทางการเมือง”มาทำงานที่ร้านอาหารข้างโรงแรม ดวงใจรู้จักเทียนเพราะเทียนเป็นดาวเด่นตระกร้อ พม่ากับไทยส่วนมากจะแข่งมวยคาดเชือก แต่พม่าคนนี้ชอบตระกร้อ เทียนนั้นตามที่ดวงใจคุยเขามีประวัติคล้ายดวงใจคือเป็นลูกกำพร้าแม่ อยู่กับพ่อและพี่สาวสองคน
ดวงใจชอบดูกีฬา และชอบสุดคือตระกร้อ เพราะมีหนุ่มๆพอเล่นแล้วเหนื่อยเหงื่ออกจะถอดเสื้อดโชว์ ผิวกาสีแทนอาบเหงื่อมันระยับ ดูมีเสน่ห์และดูเซ็กซี่ในสายตาของดวงใจสาว 17
“ตระกร้อเป็นกีฬาสามัคคีนานาชาติของราไวย์”
Comments